กรุงเทพฯ 29
ก.ย.-สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือนสิงหาคม
2560 ขยายตัวร้อยละ 3.74 เพราะได้ผลบวกจากอุตสาหกรรมเครื่องยนต์สำหรับรถยนต์ รถยนต์
ผลิตภัณฑ์ยาง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และน้ำมันปิโตรเลียม มั่นใจว่า ตลอดปีนี้
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมจะเป็นไปตามเป้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5
นายวีรศักดิ์ ศุภประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สศอ. เปิดเผยว่า
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือนสิงหาคม ขยายตัวขึ้นร้อยละ 3.74
เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันในปีก่อนและเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.77 เมื่อเทียบจากเดือนก่อน
ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม 8 เดือนแรกของปี 2560 ขยายตัวร้อยละ 1.00
จากภาพรวมดังกล่าว สศอ.จึงมั่นใจว่า จะส่งผลให้ตลอดปีนี้ จีดีพีภาคอุตสาหกรรมจะเติยโตได้ตามเป้าหมายที่ร้อยละ
2 นับเป็นการส่งสัญญาณบ่งชี้ทิศทางการขยายตัวเศรษฐกิจประเทศไทยว่า
กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ไม่รวมทองคำแท่ง
ที่ขยายตัวถึง ร้อยละ 8.50 รวมถึงการนำเข้าสินค้าทุนที่ขยายตัวร้อยละ 6.10
และการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำแท่ง)
ที่ขยายตัวถึงร้อยละ 9.20
สำหรับอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวกต่อ MPI ได้แก่
เครื่องยนต์สำหรับรถยนต์ รถยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
และน้ำมันปิโตรเลียม โดยอุตสาหกรรมเครื่องยนต์สำหรับรถยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.39
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
จากผลิตภัณฑ์เครื่องยนต์ดีเซลที่ได้รับคำสั่งซื้อจากผู้ผลิตในประเทศเพื่อตอบสนองการผลิตรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น
รวมถึงการส่งออกต่างประเทศ โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มประเทศ AEC (อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์) อุตสาหกรรมรถยนต์ ขยายตัวร้อยละ 11.28
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
จากผลิตภัณฑ์รถปิคอัพและรถยนต์นั่งความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,800 cc. เนื่องจากผู้ผลิตบางรายมีเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และมีงานมหกรรมรถยนต์ Big
motor sale กระตุ้นตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นทำให้ปริมาณจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ
6.83 ส่วนการส่งออกรถยนต์ปรับเพิ่มขึ้น จากรถปิคอัพที่ส่งออกไปในตลาดกลุ่มอาเซียน
ผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัวร้อยละ 13.74 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์ยางแผ่น
โดยในปีนี้วัตถุดิบ (น้ำยาง)
ออกสู่ตลาดมากขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่ฝนตกตลอดปีส่งผลให้ต้นยางสมบูรณ์เต็มที่
รวมถึงหลายบริษัททำการขยายตลาดใหม่ได้มากขึ้น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวร้อยละ 5.51
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในผลิตภัณฑ์ PCBA รองลงมาเป็นสินค้า Other
ICs เนื่องจากแนวโน้มความต้องการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นไปตามเทรนด์เทคโนโลยี
IOT ที่เติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่องจากปีก่อน น้ำมันปิโตรเลียม
เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.44 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันแก๊สโซฮอล์
95 และน้ำมันเครื่องบิน เนื่องจากในปีก่อนโรงกลั่นมีการซ่อมบำรุงบางส่วน
ทำให้กำลังการผลิตในสินค้าดังกล่าวของปีก่อนลดลง แต่ในปีนี้สามารถกลั่นได้ตามปกติ
ส่วนอุตสาหกรรมที่หดตัว ได้แก่ เครื่องประดับ ปรับตัวลดลงร้อยละ 40.21
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากนโยบายการคืนสินค้าจากแฟรนไชส์ในสหรัฐฯ
สภาพเศรษฐกิจที่ผันผวนและภัยก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในหลายประเทศที่ส่งผลให้ผู้สั่งซื้อชะลอการนำเข้า
เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ปรับตัวลดลงร้อยละ 28.84 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนและมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาค อุตสาหกรรมเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก
ปรับตัวลดลงร้อยละ 6.17 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากประสบปัญหาเหล็กแผ่นเคลือบนำเข้าราคาถูกเข้ามาตีตลาดจำนวนมาก
ถึงแม้ว่าราคาเหล็กจะมีทิศทางปรับตัวสูงขึ้น แต่ความต้องการใช้เหล็กเส้นเพื่อการก่อสร้างกลับมีน้อยลง
เนื่องจากฝนที่ยังตกชุกในทุกภูมิภาคที่ทำให้การก่อสร้างล่าช้าด้วย การปั่นเส้นใยสิ่งทอ
ปรับตัวลดลงร้อยละ 14.44 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากตลาดในประเทศประสบปัญหาการนำเข้าสินค้าราคาถูกมาจำหน่ายมากขึ้น
ส่วนการส่งออกจะมีผู้ผลิตที่เป็นคู่แข่งในกลุ่มอาเซียนซึ่งได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร
(GSP) ในการส่งออกไปยุโรปและสหรัฐฯ
ทำให้สินค้ามีราคาถูกกว่า-สำนักข่าวไทย