กรุงเทพฯ 23 ธ.ค. – BAFS ชี้ไทยมีศักยภาพเป็นผู้ผลิต SAF ระดับโลก เป็นแหล่งวัตถุดิบ-ทีมวิจัยแข็งแกร่ง เสนอรัฐออกนโยบาย สนับสนุนเกษตรกร-ผู้ประกอบการ คาดหลังปี 2030 ได้เห็นโดรนรับส่งคนกลางเมือง
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผย ถึงเทรนด์ของโรคที่มุ่งสู่พลังงานสะอาด โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการบินที่ต้องการใช้เชื้อเพลิงยั่งยืน ที่ไม่ได้ผลิตจากน้ำมันดิบเหมือนในอดีต แต่ถูกเผด็จจากน้ำมันพืชใช้แล้วหรือพืชพลังงานอื่นๆ ที่ประเทศไทยเรามีศักยภาพอย่างมาก เนื่องจากเป็นประเทศเกษตรกรรมพื้นที่เพาะปลูกเยอะ มีองค์ความรู้ที่วิชาการเกษตร มีทีมนักวิจัยที่แข็งแกร่ง รวมถึงเมล็ดพันธุ์มีศักยภาพที่จะพัฒนากระบวนการผลิต เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ได้ เพื่อรองรับเที่ยวบินของไทยและต่างประเทศที่มาใช้บริการ แต่สิ่งที่เราขาดคือการสนับสนุนจากภาครัฐจึงอยากเห็นนโยบายส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรให้กับธุรกิจที่จะลงทุนเพื่อนำเอาวัตถุดิบต่างๆ มาผลิตเป็น SAF เพื่อให้ช่วงเริ่มต้น เกิดความคุ้มทุนในการลงทุน สามารถผลิตได้ในปริมาณ ที่เพียงพอต่อความต้องการ สายการบินจากทั่วโลก ซึ่งจะช่วยช่วยสร้างความมั่นคงให้กับผู้ประกอบการ
ยอมรับว่าธุรกิจเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนเป็นธุรกิจใหม่ในระดับโลกแต่มีทิศทางชัดเจนเนื่องจากมีกฎกติกากำหนดไว้ว่าสายการบินต้อง เริ่มใช้ SAF ตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไปและในปี 2050 สายการบินต้องใช้อย่างน้อย 75% ต้องเป็นเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน ดังนั้นมองว่าขณะนี้ทุกคนเริ่มแข่งขันอย่างเท่าเทียมกัน ไทยจึงได้เปรียบในแง่ของการมีวัตถุดิบที่เพียงพอ หากลงทุนกันจริงๆผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจน้ำมัน อย่าง BAFS เอง ที่ทำหน้าที่เป็นโลจิสติกส์ หากร่วมมือกันเชื่อว่าภายใน 5-10 ปี ประเทศไทยสามารถขึ้นเป็นผู้นำในด้านนี้ ให้กับสนามบินในภูมิภาคได้อย่างแน่นอน เพราะไม่ใช่ทุกประเทศที่จะมีศักยภาพเหมือนประเทศไทย ซึ่งหลายประเทศยังต้องนำเข้า SAF
ในอนาคตเราจะได้เห็นรูปแบบ อากาศยานไฟฟ้าที่ใช้สำหรับฝึกอบรมนักบินตามโรงเรียนการบินต่างๆรวมไปถึงอากาศยานที่ขึ้นลงในแนวดิ่ง สามารถใช้ในเมืองได้เนื่องจากเสียงไม่ดัง ใช้บินเชื่อมต่อสนามบินสำคัญสำคัญ เช่น บินจากโซนสุขุมวิทผ่านบริเวณรถติดไปยังสนามบิน ใช้เวลาน้อยกว่า คาดว่าน่าจะได้เห็นหลังปี 2030 เป็นต้นไป ซึ่งในต่างประเทศเริ่มมีใบอนุญาตออกมาแล้ว
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ BAFS มีธุรกิจหลักที่เกี่ยวข้องกับการเติมเชื้อเพลิงอากาศยาน ส่วนธุรกิจอื่นๆ มีการลงทุนเพิ่มด้านพลังงานหมุนเวียน เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าขยะชุมชน นอกจากนี้ยังมีการลงทุนการประกอบรถและชิ้นส่วนต่างๆซึ่งสามารถต่อยอดไปยังธุรกิจอากาศยานยั่งยืน ทั้งการการขนส่ง การตรวจสอบคุณภาพ รวมถึงยังมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลอีกด้วย โดยตั้งเป้า ปี 2572 ธุรกิจหลักมีรายได้ 50% ธุรกิจขนส่งและพลังงานหมุนเวียน 40% และธุรกิจดิจิทัล 10%.-516-สำนักข่าวไทย