ตรัง 9 ธ.ค. – รมว.ทส. เร่งแก้ปัญหาการตายต่อเนื่องของพะยูน พร้อมฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเล เตรียมเสนองบกลาง 615 ล้านบาท เดินหน้าตามมาตรการเร่งด่วนแก้วิกฤติ
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า เตรียมเสนอของบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 เป็นจำนวน 615,163,000 บาท เพื่อใช้ในการดำเนินงานกิจกรรมอนุรักษ์พะยูนและแหล่งหญ้าทะเลเนื่องจากเกิดวิกฤติพะยูนตายต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นผลจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดหญ้าทะเลเสื่อมโทรมในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นแหล่งหญ้าอาหารและเป็นแหล่งอาศัยหลักของพะยูนในประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดตรังที่ถือเป็นเมืองหลวงของพะยูน ส่งผลกระทบทำให้พะยูนเกิดภาวะขาดแคลนอาหารและต้องอพยพไปยังพื้นที่ใหม่
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนด 4 มาตรการ เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติพะยูนเกยตื้นและหญ้าทะเลเสื่อมโทรม ประกอบด้วย
1.เร่งเพิ่มประสิทธิภาพการสำรวจประชากรพะยูนด้วยอากาศยานไร้คนขับชนิดปีกตรึง (Fixed-wings Unmanned Aerial Vehicle: Fixed-wings UAV) และแบบสำรวจการพบเห็นพะยูนให้เป็นปัจจุบัน เพื่อให้ทราบจำนวน พื้นที่การแพร่กระจายที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงสำรวจสุขภาพของพะยูนแต่ละตัวว่ามีความสมบูรณ์ หรือมีอาการป่วย เพื่อหามาตรการช่วยเหลือไม่ให้พะยูนตายจากการขาดอาหาร
2.หาแนวทางประกาศพื้นที่คุ้มครองและบังคับใช้มาตรการ ซึ่งจะเป็นการป้องกันอันตราย จากการประกอบกิจกรรมในทะเล ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อพะยูนที่เข้ามาอาศัย จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การออกประกาศพื้นที่คุ้มครองพะยูนชั่วคราว ซึ่งคาดว่าจะประกาศ 3 จุด ประกอบด้วย หน้าหาดราไวย์ อ่าวบางโรง และอ่าวบางขวัญ ซึ่งเป็นจุดที่พบพะยูนจำนวนมาก โดยจะต้องมีการหารือในรายละเอียดกับภาคส่วนต่างๆ อีกครั้ง ก่อนที่จะมีการประกาศออกไป
3.ค้นหาและช่วยเหลือพะยูนที่ยังมีชีวิตและอ่อนแอ โดยเร่งฟื้นฟูแหล่งอาหารซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้พะยูนอพยพย้ายถิ่น ตลอดจนกำหนดแผนงานในระยะเร่งด่วนที่จะเพิ่มอาหารให้กับพะยูนในธรรมชาติ และดูแลพะยูนที่ผอมเป็นพิเศษโดยการเสริมอาหารทดแทนหญ้าทะเลในธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดตรังและภูเก็ต รวมถึงศึกษาแนวทางการกั้นคอกเพื่อดูแลพะยูนที่มีสภาพร่างกายอ่อนแอในธรรมชาติ พร้อมทั้งพัฒนาและเตรียมความพร้อมของศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากจังหวัดตรังและศูนย์ช่วยชีวิตสิรีธาร จังหวัดภูเก็ต
4.เตรียมบ่อกุ้งร้างหรือสถานที่เพื่อเป็นแหล่งเพาะพันธุ์หญ้าทะเลร่วมกับภาคเอกชนและชุมชน พร้อมทั้งเร่งศึกษานวัตกรรมการฟื้นฟูหญ้าทะเลในธรรมชาติ พร้อมกันนี้ ได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมพิทักษ์พะยูน ทส.
ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า เบื้องต้นกรมฯ ได้ช่วยเหลือพะยูนที่ยังมีชีวิต ด้วยวิธีการใช้อาหารเสริมแทนหญ้าทะเล โดยมีการดำเนินงานในพื้นที่สะพานราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต อ่าวตังเข็น ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต ด้านหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่า เกาะลิบง จ. ตรัง อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง และพื้นที่บางขวัญ จ.พังงา พร้อมกันนี้ จัดเตรียมคอกอนุบาลในทะเล สำหรับดูแลพะยูนที่ป่วยและไม่แข็งแรง ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลและการดำเนินการในพื้นที่บริเวณเกาะละวะ ต.คลองเคียน อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา รวมทั้งบ่อเลี้ยงของศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร จ.ภูเก็ต
นอกจากนี้เร่งฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเล ในพื้นที่จังหวัดพังงา บริเวณเกาะหมากน้อย ต.เกาะปันหยี อ.เมือง จ.พังงา 15 ไร่ อีกทั้งมีพื้นที่ที่อยู่ระหว่างดำเนินการได้แก่ บ้านบางพัฒน์ อ่าวพังงา ต.บางเตย อ.เมือง จ.พังงา 12 ไร่ และพื้นที่บ้านปากคลอง ต.บ่อหิน อ.สิเกา จ.ตรัง 4 ไร่ โดยประเมินพื้นที่ที่มีศักยภาพในการฟื้นฟูหญ้าทะเลและเก็บตัวอย่างดินตะกอน เพื่อนำมาวิเคราะห์ความเหมาะสมของพื้นที่ก่อนการย้ายปลูกหญ้าทะเล ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดหาแหล่งพันธุ์หญ้าทะเล และมีแผนดำเนินการย้ายปลูกหญ้าทะเลในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 สำหรับการอนุรักษ์และฟื้นฟูหญ้าทะเลเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง รวมถึงการจัดการปัญหามลพิษและควบคุมการใช้พื้นที่ชายฝั่งอย่างยั่งยืน หากมองเห็นความสำคัญของทรัพยากรทางทะเล และยังมีการอนุรักษ์อย่างต่อเนื่อง เราอาจยังมีโอกาสเห็นพะยูนอยู่ในน่านน้ำไทย และคงความสมบูรณ์ของระบบนิเวศแห่งนี้ต่อไป
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า กรมอุทยานฯ ได้ดำเนินการสำรวจประชากรพะยูนด้วยอากาศยานไร้คนขับชนิดปีกตรึง (Fixed-wings Unmanned Aerial Vehicle: Fixed-wings UAV) ผลจากการสำรวจเบื้องต้นบริเวณอ่าวพังงา เกาะยาวใหญ่ พบพะยูน 3 ตัว ที่ จ.ภูเก็ต บริเวณอ่าวปากคลอก พบพะยูน 40 ตัว บ้านป่าหล่าย พบพะยูน 2 ตัว สะพานสารสิน พบพะยูน 7 ตัว อ่าวตังเข็น พบพะยูน 7 ตัว อ่าวราไวย์ พบพะยูน 2 ตัว รวมพบพะยูนทั้งสิ้น 58 ตัว และจังหวัดตรัง บริเวณแหลมจูโหย พบพะยูน 3 ตัว ชายหาดบ้านปากคลองกะลาเสใหญ่ พบพะยูน 2 ตัว รวมพบพะยูนทั้งสิ้น 5 ตัว
อีกทั้งได้สำรวจหญ้าทะเลในพื้นที่จังหวัดพังงา โดยสำรวจ 4,824 ไร่ พบพื้นที่หญ้าทะเล 1,071 ไร่ จังหวัดภูเก็ต สำรวจ 3,348 ไร่ พบพื้นที่หญ้าทะเล 1,360 ไร่ จังหวัดกระบี่ สำรวจ 23,302 ไร่ พบพื้นที่หญ้าทะเล 7,670 ไร่ จังหวัดตรัง สำรวจ 23,038 ไร่ พบพื้นที่หญ้าทะเล 12,380 ไร่ และจังหวัดสตูล สำรวจ 2,963 ไร่ พบพื้นที่หญ้าทะเล 1,427 ไร่
นอกจากนี้ ได้ประกาศพื้นที่คุ้มครองและบังคับใช้มาตรการ พื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติทางทะเล พื้นที่เฝ้าระวังพะยูนและคุ้มครองแหล่งหญ้าทะเล 13 แห่ง พร้อมกันนี้ ภายหลังจากที่มีการหารือร่วมกับจังหวัดภูเก็ตและทุกภาคส่วนเกี่ยวกับการวางแนวทางและกำหนดมาตรการที่จำเป็นเพื่อป้องกันผลกระทบหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับพะยูนในบริเวณที่อยู่อาศัยและหากิน ในการนี้ จังหวัดภูเก็ตได้ออกประกาศขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชน เครือข่ายประมงพื้นบ้าน ประมงพาณิชย์ องค์กรภาคเอกชน เครือข่ายจิตอาสาประชาสังคม ร่วมกันดูแล เฝ้าระวัง และป้องกันผลกระทบต่อพะยูนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จำนวน 4 พื้นที่ ได้แก่ บริเวณช่องปากพระบ้านสารสิน บริเวณอ่าวป่าคลอก อ่าวบางโรง บริเวณท่าเทียบเรือหาดราไวย์ และบริเวณอ่าวตังเข็น เพื่อร่วมกันป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับพะยูนอีกด้วย. -512-สำนักข่าวไทย