ลิมา เปรู 15 พ.ย.- รมว.พาณิชย์ ถก รมว.เศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น เร่งดึงเอกชนญี่ปุ่นลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เซมิคอนดักเตอร์ AI และพลังงานสะอาด ขณะที่ญี่ปุ่นรับปากจะขยายการลงทุนในไทยเพิ่ม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วานนี้ (14 พ.ย.) ตนและคณะได้ร่วมหาหารือทวิภาคีกับ กับนายมูโตะ โยจิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ญี่ปุ่น เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน โดยไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดและยาวนาน จนเมื่อปี 2565 ได้ยกระดับเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน” โดยในการพบกันครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า ทั้งสองประเทศถือเป็นพันธมิตรสำคัญในห่วงโซ่อุตสาหกรรมมาโดยตลอด โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยกว่า 60 ปี รัฐบาลพร้อมกระชับความร่วมมือกับญี่ปุ่นในช่วงการเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยียานยนต์ยุคใหม่ รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอร์รี่ ยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริด หรือยานยนต์ไฮโดรเจน นอกจากนี้ ตนได้เชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาขยายการลงทุนในไทยเพิ่มเติมในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งที่เป็นยานยนต์สันดาปและยานยนต์ยุคใหม่ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ให้กับญี่ปุ่นต่อไป และยังได้เชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นมาลงทุนในพื้นที่ EEC สำหรับอุตสาหกรรมชั้นนำอื่น ๆ ที่ญี่ปุ่นมีศักยภาพ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแห่งอนาคต อาทิ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เซมิคอนดักเตอร์ ดิจิทัล AI ธุรกิจพลังงานสะอาดและสีเขียว
“ช่วงปี2557 นักลงทุนญี่ปุ่นหายไปจากประเทศไทยราว 60-70% จากเดิมที่เคยเป็นนักลงทุนอันดับ 1 ในไทย จากการหารือครั้งนี้ รวมถึงการที่ได้พบกับไจก้ามาก่อนหน้า ทางญี่ปุ่นรับปากว่าจะกลับมาลงทุนในไทยให้มากขึ้น โดยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาการลงทุนของญี่ปุ่นก็เพิ่มขึ้นกลับขึ้นมาเป็นอันดับ1 ทางญี่ปุ่นยังบอกด้วยว่าจะแซงหน้าจีนให้ได้ ญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนสู่ยานยนต์ไฮโดรเจน ดังนั้นช่วงนี้เราก็ต้องจับตาว่ายานยนต์ไฮโดรเจนของเขาจะเวิร์คขนาดไหน และยานยนต์ไฮบริจด์ก็กำลังกลับมาแรง ซึ่งเชื่อว่าไฮโดรเจนกับไฮบริจด์น่าจะเป็นอนาคต นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ พอเราผลิต PCB เยอะๆ อุตสาหกรรมไฮเทคต่างๆ ก็จะเข้ามาเยอะ และจะเกิดคลัสเตอร์ต่างๆ ญี่ปุ่นก็มองเห็นตรงนี้ ที่สำคัญเศรฐกิจญี่ปุ่นก็ดีขึ้นจึงมั่นใจว่าการลงทุ่นญี่ปุ่นจะขยายตัวเพิ่ม” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวอีกว่า ตนเองมีกำหนดการเข้าร่วมกิจกรรม “Happy Winter Thai Festival” ระหว่างวันที่ 19 – 24 ธันวาคม 2567 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของไทย โดยจะนำสินค้าไทยไปจัดแสดงและจัดจำหน่าย อาทิ ผ้าไทย การ์ตูนคาร์แรคเตอร์ ผลิตภัณฑ์สปา เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ทางญี่ปุ่นได้แจ้งความคืบหน้าของการจัดการงาน EXPO 2025 OSAKA Kansai ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13 เมษายน – 13 ตุลาคม 2568 ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น โดยรัฐบาลไทย รวมถึงกระทรวงพาณิชย์จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในนิทรรศการ Thailand Pavilion เพื่อชูศักยภาพการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของไทย โดยผสมผสานศาสตร์การแพทย์สมุนไพรไทยกับนวัตกรรม จึงจะร่วมเชิญชวนผู้เข้าเยี่ยมชมงานทั่วโลกเข้าร่วมงาน EXPO 2025 OSAKA Kansai ตลอดจนเข้าร่วมชมอาคารนิทรรศการ Thailand Pavilion อีกด้วย
ปี 2566 ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าลำดับที่ 3 ของไทย รองจากจีนและสหรัฐฯ มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 55,789.19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปญี่ปุ่น 24,594.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เครื่องจักรและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล แผงวงจรไฟฟ้า และไทยนำเข้าจากญี่ปุ่น 31,195.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ทั้งนี้ ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค. – ก.ย.) การค้าสองฝ่ายมีมูลค่ารวม 38,635.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการส่งออก 17,423.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นการนำเข้า 21,212.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ -517-สำนักข่าวไทย