นนทบุรี 20 มี.ค. – ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 สั่งเด้ง 5 เสือโรงพักบางใหญ่ เข้ามาประจำการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 1 เส้นปม ฝ่ายปกครองบุกจับบ่อนพนันในพื้นที่ พร้อมเผยบ่อนนี้เคยถูกตำรวจบุกจับกุมมาแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เชื่อเจ้าของบ่อนและนายทุนรวมถึงเจ้ามือเป็นกลุ่มเดิม
พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยภายหลังเจ้าหน้าที่กรมการปกครองเข้าจับกลุ่มบ่อนการพนันรายใหญ่ในพื้นที่นนทบุรีเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาและพบนักพนันกว่า 300 คน ว่า หลังทราบเรื่องในฐานะผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1ได้สั่งการดำเนินการใน 3 ประเด็นหลัก ดังนี้ ประเด็นแรก แต่งตั้งกรรมการขึ้นมาสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ว่ามีใครบกพร่องต่อหน้าที่บ้าง โดยมี พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รองผู้บัญชาตำรวจภูธร ภาค 1 เป็นหัวหน้าคณะเพื่อทำการสืบสวนสอบสวน หากพบความบกพร่องก็จะดำเนินการทางวินัย
ประการที่ 2 ข้าราชการตำรวจ 5 เสือ สภ.บางใหญ่ เจ้าของพื้นที่ มาปฏิบัติราชการที่ประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการของตำรวจภูธรภาค 1 ประกอบด้วย ผู้กำกับการ สภ.บางใหญ่, รองผู้กำกับการฝ่ายสืบสวน, รองผู้กำกับฝ่ายป้องกันและปราบปราม, สารวัตรสืบสวนและสารวัตรป้องกันและปราบปราม ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รองผู้กำกับฝ่ายป้องกันปราบปรามและรองผู้กำกับฝ่ายสืบสวน อยู่ระหว่างการลาราชการ เพราะฉะนั้นในเบื้องต้นจึงมีข้าราชการตำรวจที่เข้ามาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการของตำรวจภูธรภาค 1 จำนวน 3 ท่าน ประกอบด้วย ผกก.สภ.บางใหญ่ สารวัตรงานป้องกันและปราบปราม รวมถึงสารวัตรสืบสวนสอบสวน
ประการที่ 3 คดีนี้มีผู้ต้องหาจำนวนมากและเพื่อป้องกันให้เกิดความโปร่งใส ป้องกันไม่ให้ผู้มีผู้อิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องได้ จึงตั้งคณะพนักงานสืบสวนขค้นมาทำคดีนี้ โดยมีทั้ง พล.ต.ต.นราเดช ทิพรัตน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นหัวหน้าคณะ โดยการสืบสวนสอบสวนในครั้งนี้ เพื่อให้หมดข้อสงสัยและป้องกันไม่ให้มีการเข้ามาแทรกแซงในการดำเนินคดีในเรื่องนี้ได้ พร้อมทั้งให้ตรวจสอบ ดำเนินการเอาผิด ผู้ที่เกี่ยวข้องกับบ่อนการพนัน ดังกล่าว ว่าเข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน หรือไม่
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ยังกล่าวอีกว่าที่ผ่านมา ตำรวจภูธรภาค 1 ไม่ได้ละเลย ปล่อยให้มีบ่อนการพนันเกิดขึ้นในพื้นที่ ตนได้สั่งการเน้นย้ำทุกครั้งที่มีการประชุม ว่าจะต้องดำเนินการปราบปรามแหล่งอบายมุข ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งหากพื้นที่ใดปล่อยปละละเลยก็ต้องถูกดำเนินการทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดโดยไม่มีข้อละเว้น
สำหรับบ่อนนี้ที่เพิ่งถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าไปดำเนินการเมื่อคืนที่ผ่านมาก็เช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตำรวจก็ได้เข้าดำเนินการไปแล้ว 1 ครั้ง เมื่อยังมีการฝ่าฝืนลักลอบเปิดเล่นอีกก็ต้องถูกดำเนินการไปตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของตำรวจหรือหน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องเข้ามาจับกลุ่มก็ต้องถูกดำเนินคดี ส่วนตัวเชื่อว่าเจ้าของบ่อน และนักลงทุน หรือเจ้ามือ น่าจะเป็นกลุ่มเดิม ๆ ส่วนข้าราชการตำรวจท้องที่ที่ปล่อย ให้มีบ่อนการพนันก็ต้องรับผิดตามกรอบตามระเบียบที่วางไว้
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ยังเตือนไปยังท้องที่อีก 133 โรงพัก ว่าขอให้กรณีบ่อนการพนัน สภ.บางใหญ่ เป็นพื้นที่สุดท้าย ซึ่งหลังจากนี้หวังว่าอีก 33 สถานี จะไร้ปัญหา บ่อนการพนัน เพราะหากปล่อยให้เกิดขึ้น การถูกลงโทษทางวินัยก็ต้องดำเนินไป ไม่มีใครช่วยได้
ขณะที่ “รองฯ ต่าย” ควันออกหู เหตุเจ้าหน้าที่ปกครองจับบ่อนบางใหญ่ สั่งตั้ง “ผู้ช่วยฯ อ้อ” ลงไปเช็กบิลเรียงตัว หากพบใครบกพร่อง หรือใครมีเอี่ยวให้จัดเต็มทางปกครอง
วันนี้ (20 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.(ปป.) กล่าวว่าถึงกรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจับกุมบ่อนการพนันขนาดใหญ่ในพื้นที่ ภ.1 นั้น ได้สั่งการไปที่ ผบช ภ.1 ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ดังนี้ (1.) ภ.1 ต้องรีบดำเนินการ- ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยไม่ใช่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และ- ออกคำสั่งการเรื่องให้ข้าราชการตำรวจมาช่วยราชการ และรักษาการแทน
(2.)เพื่อความโปร่งใส ภ.1 ต้องออกคำสั่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน หรือออกคำสั่งให้ระดม พงส.ช่วยเรื่องการสอบสวนดำเนินคดีกับคดีนี้ เพราะ พงส.สภ.บางใหญ่ อาจไม่สามารถทำการสอบสวนได้อย่างรวดเร็ว และให้ รอง ผบช ภ.1 ที่รับผิดชอบไปกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การสอบสวน โปร่งใส รวดเร็ว และปราศจากการช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น และต้องให้ พงส.ดำเนินการตรวจสอบ ยึดทรัพย์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เนื่องจากเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ. ข้อ 1 และ ข้อ 2 ภ.1 ต้องรีบดำเนินการโดยเร็ว
(3.)กรณีนี้มีความบกพร่องมากเรื่องการรายงานเหตุ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ผกก.สภ. และ ผบก.ก็ไม่รายงานเหตุเลย ตนรู้เหตุเอง จึงให้ ภ.1 พิจารณาในประเด็นนี้ด้วย
(4.) มอบหมายให้ พล.ต.ท.อัคเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.ออกหนังสือกำชับและลงไปติดตามเรื่องนี้ เพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริง ว่า มีข้าราชการตำรวจนายใด เข้าไปเกี่ยวข้อง เรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ โดยด่วน. -412, 414-สำนักข่าวไทย