กรุงเทพฯ 19 ธ.ค. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. และทีมอัยการ ร่วมกันประชุมสรุปสำนวนคดีตำรวจอุ้มรีดทรัพย์เจ้าของเว็บพนันออนไลน์ 140 ล้านบาท หลัง ป.ป.ช. มีคำสั่งส่งสำนวนคืนกลับมาให้ตำรวจดำเนินการ
ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน หัวหน้าชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน คดีตำรวจรีดทรัพย์เว็บพนัน 140 ล้านบาท เดิมมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ แต่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบไปแล้วในวาระการแต่งตั้งโยกย้าย และมีคำสั่งแต่งตั้งหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนชุดใหม่ เเละทีมพนักงานสอบสวนชุดใหม่มากำกับดูแลคดีนี้ โดยให้ พล.ต.ท.อัคราเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนขอเวลาศึกษาข้อมูลคดีในสำนวนอย่างละเอียด และนัดประชุมร่วมกับคณะพนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวนในวันนี้
ในการประชุมวันนี้เป็นการหารือร่วมกันระหว่างคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนและอัยการ เพื่อพิจารณาว่าคดีนี้ยังมีช่องโหว่ หรือต้องการพยานหลักฐานอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ รวมถึงการกระทำของกลุ้มผู้ต้องหาในคดีนี้จะเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย หรือ พ.ร.บ.อุ้มหาย หรือไม่ เพื่อให้เกิดความรัดกุมเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้ตำรวจได้ส่งสำนวนคดีไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ดำเนินการ แต่ ป.ป.ช. ส่งสำนวนคืนกลับมา เนื่องจากมีการตั้งข้อหาดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้องมากกว่า 20 นาย, ทหาร 1 นาย และพลเรือนอย่างน้อย 10 คน ในความผิดตามมาตรา 157, 149 เเละข้อหาอื่น ๆ
สำหรับคดีดังกล่าวเป็นคดีที่มีการกล่าวหา พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ กับพวก รวม 10 ราย บุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ในข้อกล่าวหา “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือของบุคคลที่สามจนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง”
กรณีไปจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันแล้วนำตัวไปรีดเงิน 140 ล้านบาท เพื่อแลกกับการเคลียร์คดี จนมีวลีเด็ดว่า “เป้รักผู้การเท่าไร เป้เขียนมา” แต่ภายหลังกลุ่มผู้ต้องสงสัยไม่พอใจกับพฤติกรรมของตำรวจชุดจับกุม จึงได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี เพื่อดำเนินคดีกับตำรวจชุดดังกล่าว ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. พิจารณา และต่อมา ป.ป.ช. มีคำสั่งให้ส่งสำนวนกลับมาให้ชุดพนักงานสอบสวนทำคดีต่อ.-สำนักข่าวไทย