กทม.18 ก.ค.- “ศิริชัย วัฒนโยธิน”ถอดใจ ลาออกจากประธานศาลอุทธรณ์ มีผลเมื่อวาน ชี้ เหมือนไม่มีที่ให้ยืน พ้อให้ความยุติธรรมคนอื่นมาตลอดการทำงานแต่กลับไม่มีโอกาสหาความยุติธรรมให้ตัวเอง
นายศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ แถลงข่าวเปิดใจต่อสื่อมวลชน ระบุว่า จะแถลงข่าวครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ยืนยันว่า ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานศาลอุทธรณ์ ซึ่งประธานศาลฎีกาก็ได้ลงนามเรียบร้อยแล้ว มีผลตั้งแต่เมื่อวานนี้(17 ก.ค.) ส่วนสาเหตุที่ลาออกเนื่องจากเห็นว่าตำแหน่งที่ปรึกษาประธานศาลฎีกา ที่แต่งตั้งให้ตนไปดำรงตำแหน่งนั้นมิชอบด้วยกฎหมาย เป็นตำแหน่งลอยๆ เห็นว่าอาจเกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง และตามการปฏิบัติตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่อาวุโสสูงสุดควรได้ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา แต่หากไม่ได้รับตำแหน่งนี้ก็จะได้อยู่ตำแหน่งเดิม ไม่เคยมีการโยกย้ายให้ไปอยู่ตำแหน่งที่สร้างขึ้นมาใหม่เหมือนกรณีนี้ แม้ตำแหน่งที่ปรึกษาประธานศาลฎีกาจะเทียบเท่ากับตำแหน่งประธานศาลอุทธรณ์ก็ตาม แต่ศักดิ์ศรีไม่เท่ากัน ที่คณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม( อ.ต.ก.) และ คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.)มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตนอีก ทำให้รู้สึกว่าถอยจนไม่รู้จะถอยอย่างไรแล้ว รู้สึกเจ็บปวดมาก ไม่เคยคิดว่าที่ผ่านมาตน ที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ให้ความยุติธรรมกับคนอื่นมาตลอดชีวิต แต่สุดท้ายกลับมาเป็นเช่นนี้ ยอมกลืนเลือดกลืนเนื้อตัวเอง และยอมอดทนมาโดยตลอด จึงมีทางเดียวที่จะได้พักผ่อนนอนหลับอย่างสบายเลิกนอนสะดุ้ง คือการลาออกจากตำแหน่ง และยืนยันไม่เคยฝักใฝ่การเมืองฝ่ายใด แม้จะมีเพื่อนทั้งสองฝ่าย และเลือกที่จะไม่ติดต่อไปหาฝ่ายใดเลย
นายศิริชัย กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยเห็นคำให้การของพยานในคดีที่ถูกตรวจสอบ จึงได้ขอความเมตตาไปที่ ก.ต.เพื่อต่อสู้ แต่ก็ไม่ได้รับโอกาสใดๆเลย ส่วนคดีความที่ ก.ต.นำมาพิจารณาว่ามีการโอนสำนวนนั้นมี 3 สำนวนคดี ซึ่งเป็นคดียาเสพติด ที่ตรวจพบว่ามีความผิดปกติ
นายศิริชัย ยืนยันว่าการโอนสำนวนถูกต้อง มีการลงลายลักษณ์อักษรถึงเหตุผลต่างๆชัดเจนว่ามีหลักฐานลงโทษจำเลยได้และเมื่ออ่านคำพิพากษาให้จำเลยทั้ง 3 คดีฟัง จำเลยก็ได้ยอมรับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ฎีกาคดีจึงถึงที่สุด ทุกคดีที่เกิดขึ้นเป็นไปไม่ได้ว่าตนจะต้องการลงโทษจำเลย แต่ได้มีการตรวจสอบจากหลายบุคคล พบว่า ร่างคำพิพากษามีบางส่วนกระทบกระเทือนต่อความยุติธรรม จึงมีการตรวจสอบอย่างละเอียด และตนไม่มีอำนาจสั่งให้ผู้พิพากษาดำเนินการใดๆได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ จึงอยากฝากกรณีนี้ไปถึงผู้บริหารบ้านเมือง คสช. และประชาชนว่า ที่ผ่านมาตนดำรงตำแหน่งด้วยความยุติธรรมมาตลอด แต่เหตุใดได้รับผลแบบนี้ คิดเพียงว่าคงถึงเวลาของตัวเองที่ต้องไปพักผ่อน เนื่องจากไม่มีที่ยืน ทั้งชีวิตทำงานตามที่ถวายสัตยาบรรณไว้และแม้หากจำเลยจะเป็นบิดามารดา ตนก็ต้องลงโทษหากกระทำความผิด
นายศิริชัย กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เรื่องที่เกิดขึ้นตนทำใจได้ แต่เป็นห่วงความรู้สึกบิดามารดา เมื่อพูดเรื่องนี้มารดาจะความดันขึ้นตลอด เนื่องจากอายุ 80-90 แล้ว ยังไม่คิดฟ้องร้องผ่านศาลปกครอง หรือช่องทางใด และหาก ก.ต.ให้โอกาสก็พร้อมที่จะต่อสู้ จากนี้คงรอฟังผลเพียงอย่างเดียว และไม่สามารถตอบได้ว่าตนถูกกลั่นแกล้งหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศภายในห้องแถลงข่าว อาคารศาลอุทธรณ์ มีผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ศาลจำนวนมากเดินทางมาร่วมฟังการแถลงข่าว จากนั้นได้มอบดอกกุหลาบให้กำลังใจนายศิริชัย ซึ่งบางคนถึงกับร่ำไห้ออกมาด้วย.-สำนักข่าวไทย
![](https://imgs.mcot.net/images//2017/07/1500371990294.jpg)