กรุงเทพฯ 10 ก.ค. -สยามแก๊ส ลุยตลาดแอลพีจี รับลอยตัวราคาแอลพีจี ปีหน้า จะนำเข้าเพิ่มขึ้นเท่าตัว
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ เอสจีพี เปิดเผยว่าบริษัทสนับสนุนการลอยตัวราคาแอลพีจีและเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน โดยเป็นรายแรกที่เสนอนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายในประเทศตามนโยบายของรัฐบาลที่เริ่มนำเข้าราว 44,000 ตันต่อเดือน ในปี 2560 และ ในปี 2561 เตรียมแผนนำเข้าเพิ่มขึ้นเป็น 66,000-88,000 ตันต่อเดือน หรือประมาณ 2 ลำเรือขนส่ง โดยจะดูถึงยอดขายเป็นหลัก หากเพิ่มขึ้นน้อยก็จะนำก๊าซส่งขึ้นที่สิงคโปร์ครึ่งลำ แล้วนำมาขึ้นที่ไทย 1 ลำครึ่งหรือ 66,000 ตัน/เดือน โดยเป้าหมายต้องการจำหน่ายในไทยให้หมด เพราะหากเหลือแล้วต้องส่งออกไปขายเพื่อนบ้านก็จะต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก จากหลักเกณฑ์กระทรวงพลังงานต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อ แอลพีจี 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
สำหรับการทำตลาดขายแอลพีจีในขณะนี้ บริษัทเน้นไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นหลัก เพราะจากที่โรงงานหลายแห่ง เช่น เซรามิค โรงงานขนมปัง เปลี่ยนเชื้อเพลิงมาใช้แอลพีจีเพราะไฟแรงสม่ำเสมอ และต้นทุนแข่งขันได้ดีกว่า ทำให้บริษัทขายกลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันจากการขยายตัวของโมเดิร์นเทรดในต่างจังหวัด ซึ่งมีทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ก็ทำให้บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น โดยไตรมาส 1/2560เปรียบไตรมาส1/2559 ยอดขายกลุ่มอุตสาหกรรมโตร้อยละ 2.7 กลุ่มครัวเรือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 กลามยานยนต์ ลดลงร้อยละ 9.5 ในขณะนี้ ตลาดรวมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 ,กลุ่มยานยต์ลดลงร้อยละ 15.3 และครัวเรือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายแอลพีจี ปี 2560 จะเติบโตร้อยละ 5.2 จากปี 2559 ที่มียอดขายรวมประมาณ 3 ล้านตัน แยกเป็นในประเทศ 1 ล้านตัน/ปี และต่างประเทศ 2 ล้านตัน/ปี ทำให้บริษัทยังรักษาส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ในประเทศ อยู่ที่ร้อยละ 25 เป็นที่ 2 ของตลาด รองจาก บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
” บริษัทปรับตัวรับมือผลกระทบจากยอดขายแอลพีจีภาคขนส่งที่ลดง โดยจะขยายการขายน้ำมันในสถานีบริกาก๊าซแอลพีจี ร่วมมือกับบางจากฯ เป้าหมายเพิ่มขึ้นให้ครบ 10 แห่ง จากปีนี้ จะติดตั้งให้ครบ 5 แห่ง และตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำด้านพลังงานในเอเชีย ดังนั้นจึงพร้อมที่จะเข้าไปลงทุนในธุรกิจพลังงานอื่นๆด้วย” นางจินตณากล่าว
สำหรับแผนลงทุนธุรกิจแอลพีจีในต่างประเทศขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดจีน และบริษัทยังมีแนวคิดที่จะนำเข้าแอลพีจีเพื่อส่งออก ประมาณ 3,000-4,000 ตันต่อเดือน ไปยังประเทศในอาเซียน เช่น กัมพูชา เวียดนามใต้ เป็นต้น รวมทั้งเล็งขยายธุรกิจไปสู่ไฟฟ้า โดยเมื่อเร็วๆนี้ บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นกิจการโรงไฟฟ้าในเมียนมา MYANMAR LIGHTING (IPP) CO., LTD. (“MLIPP”) ขนาดกำลังผลิตรวม 230 เมกะวัตต์ โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 30 ใช้เงินลงทุนอยู่ที่ 48 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ทันที เนื่องจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้เดินจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์แล้ว-สำนักข่าวไทย