กทม. 10 ก.พ.- ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ หรือ ATTRIC คาดแล้วเสร็จ 100% พร้อมเปิดให้บริการได้เต็มรูปแบบปี 2569 ซึ่งจะสร้างรายได้ไม่น้อยกว่าปีละ 1 พันล้านบาท
นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center – ATTRIC) จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ( EEC) โดย ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริม และยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และยางล้อของไทย ไปสู่การเป็นซุปเปอร์คลัสเตอร์อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านจากการเป็นฐานการผลิตยานยนต์สันดาปภายในเป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน สามารถทดสอบและรับรองได้เองในประเทศ เป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการไม่ต้องส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบที่ต่างประเทศ ทั้งยังสามารถดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ภายในกรอบวงเงิน 3,705.7 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ส่วนทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117 ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการแล้ว ส่วนระยะที่ 2 ส่วนทดสอบยานยนต์และชิ้นส่วน ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ 55 % โดยใช้เงินงบประมาณไปแล้ว 2,038 ล้านบาท คงเหลือการดำเนินงานอีก 45 % ในวงเงินงบประมาณ 1,667.69 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569 เมื่อแล้วเสร็จครบทุกระยะ คาดว่าศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติจะมีรายได้ไม่น้อยกว่าปีละ 968 ล้านบาท ช่วยให้ผู้ประกอบการประหยัดค่าใช้จ่าย และลดระยะเวลาในการส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบที่ต่างประเทศ ประมาณ 30% – 50% และสร้างเม็ดเงินสะพัดในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 148 ล้านบาทต่อปี
นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวว่า ภายหลังจากที่ สมอ. ได้เปิดให้บริการทดสอบตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2562 มีผู้ประกอบการเข้ามาใช้บริการสนามทดสอบยางล้อแล้วจำนวน 136 ราย และได้รับใบอนุญาตมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์และยางล้อไปแล้วรวมทั้งสิ้น 985 ฉบับ และในเดือนเมษายน 2566 นี้ กำลังจะเปิดให้บริการเพิ่มอีก 2 สนาม ได้แก่ สนามทดสอบระบบเบรก และสนามทดสอบระบบเบรกมือ ส่วนสนามทดสอบพลวัต (Dynamic Platform Track) และสนามทดสอบการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้ง (Skid Pad Track) พร้อมเปิดให้บริการทดสอบได้ในกลางปี 2567
สำหรับงบประมาณที่ได้รับอนุมัติมาในปี 2566 อีก 1,667.69 ล้านบาทนั้น จะใช้สำหรับการก่อสร้างสนามทดสอบความเร็วและสมรรถนะ สถานีสำหรับเตรียมสภาพรถ ทางวิ่ง LAB ทดสอบการชน รวมทั้งจัดซื้อชุดเครื่องมือทดสอบการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้ง ชุดเครื่องมือทดสอบอุปกรณ์เลี้ยวสำหรับยานยนต์ และชุดเครื่องมือทดสอบการป้องกันผู้โดยสารเมื่อเกิดการชนด้านหน้าและด้านข้าง .-สำนักข่าวไทย