fbpx

ย้าย ตร.ชุดตั้งด่าน สน.ห้วยขวาง 7 นาย ช่วยราชการ ศปก.

31 ม.ค. – พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เผยว่าเมื่อคืนนี้ได้สอบปากคำตำรวจทั้ง 14 นาย ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งด่านในวันเกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 7 นาย ซึ่งกลุ่มแรกเป็นฝั่งกลุ่มริมถนนหน้าสถานทูตจีน 7 นาย และอีกกลุ่มอยู่ฝั่งเกาะกลางถนน 7 นาย โดยล่าสุดได้ให้ ตร. 7 ใน 14 นาย ช่วยราชการที่ ศปก.แล้ว


กลุ่มที่เป็นประเด็นคือกลุ่มที่อยู่ด้านหน้าสถานทูตจีน เนื่องจากใกล้ชิดกับกลุ่มนักท่องเที่ยวมากที่สุด เบื้องต้นจากการสอบปากคำตำรวจทั้งหมดยังให้การ “ปฏิเสธ” แต่ยอมรับว่าได้ถ่ายรูปบุหรี่ไฟฟ้าของนักท่องเที่ยวจริง และไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา โดยจากการพิจารณาล่าสุดได้ให้ตำรวจทั้ง 14 นาย หยุดการปฎิบัติหน้าที่ชั่วคราว และ 7 ใน 14 นาย ฝั่งสถานทูตจีนมาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (ศปก.) พร้อมทั้งเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนการสอบเค้นพิเศษ

ทั้งนี้ ในวันนี้ได้เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่คนขับแกร๊บ, คนขับแท็กซี่ และพนักงานในผับ ซึ่งทุกคนต้องเข้ามาสอบคำให้การ เพื่อยืนยันคำให้การเดิมที่ให้ไว้กับพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ก่อนหน้านี้ด้วย


ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสอบปากคำคนขับแท็กซี่ชมพูคาดเขียว หรือหนุ่ย อายุ 44 ปี พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากภาคประชาชน หากมีกล้องหน้ารถหรือภาพกล้องวงจรปิด หรือเห็นเหตุการณ์ในวันนั้น รวมไปถึงกลุ่มเพื่อนผู้เสียหาย หากไม่สะดวก ตนจะชี้ช่องให้ว่า หากเกรงว่าจะถูกดำเนินคดีในข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงานก็สามารถให้เพื่อนมาสอบปากคำในฐานะพยาน หรือสามารถติดต่อมาทางเฟซบุ๊กตนได้เลย (Atthaporn wongsiripreeda) เพื่อวิดีโอคอลให้ข้อมูล เพราะจะเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ใช้ประกอบสำนวนแจ้งข้อหาในคดีอาญากับตำรวจทั้ง 7 นายได้ ทั้งนี้ตนได้เตรียมพนักงานสอบสวนที่มีความสามารถด้านภาษาจีน และภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นตำรวจหญิงไว้รอรับแล้ว

พร้อมยืนยันขอให้ภาคสังคมมั่นใจในการทำงานของตำรวจว่าจะไม่มีการปกป้องคนทำผิด ซึ่งทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ และทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว รวมถึงยังทำให้องค์กรและประเทศชาติเสียหายอย่างเด็ดขาด และเพื่อให้สังคมสบายใจ วันนี้ทางคณะกรรมการและพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ได้เปลี่ยนพนักงานสอบสวนทั้งหมด เป็นพนักงานสอบสวนที่น่าเชื่อถือ และไม่มีความเกี่ยวข้องกับ สน.ห้วยขวาง มาทำคดีนี้. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553

พายุโซนร้อนซูลิก

ฤทธิ์พายุโซนร้อนซูลิก ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่นครพนม

ฤทธิ์พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่ จ.นครพนม เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเดินเครื่องสูบน้ำลงน้ำโขง

อุตุฯ เตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ฝนถล่มหลายจังหวัด

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ภาคเหนือ อีสาน กลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง