กัมพูชา 12 พ.ย. – นายกฯ หารือเลขาธิการสหประชาชาติ เดินหน้าความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม เพื่อรับมือกับปัญหาและความท้าทายของโลก ซึ่งเลขาธิการฯ ชื่นชมนายกฯ มีบทบาทสำคัญในเวทีพหุภาคีด้านการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือกับ นายอันโตนิอู กุแตเรช (H.E. Mr. António Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ ในห้วงการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 12 เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจร่วมกัน นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีที่ได้พบเลขาธิการสหประชาชาติอีกครั้ง ยืนยันถึงความเชื่อมั่นของไทยในระบบพหุภาคี มีสหประชาชาติเป็นศูนย์กลาง โดยไทยมุ่งมั่นร่วมมือ เพื่อสนับสนุนสหประชาชาติในการรับมือกับปัญหาและความท้าทายของโลก พร้อมกล่าวสนับสนุนข้อริเริ่มในรายงาน Our Common Agenda เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถบรรลุ SDGs
เลขาธิการสหประชาชาติรู้สึกยินดีที่ได้พบนายกรัฐมนตรี พร้อมชื่นชมไทยและนายกรัฐมนตรีที่มีบทบาทอย่างกระตือรือร้นในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งไทยถือเป็นตัวอย่างของเจ้าบ้านที่ดีในการเป็นที่ตั้งของหน่วยงานต่าง ๆ ของสหประชาชาติ ซึ่งรวมถึงคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลไทย ทั้งนี้ หน่วยงานของสหประชาชาติมีความกระตือรือร้นที่จะทำงานกับไทย รวมทั้ง เห็นว่าไทยดำเนินการแก้ปัญหาที่เป็นความท้าทายของโลกอย่างจริงจัง
ในส่วนของ ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งถือเป็นความท้าทายที่ส่งผลกระทบทั่วโลก เลขาธิการฯ กล่าวชื่นชมไทยที่มีบทบาทสำคัญ และมีส่วนร่วมในการการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมาโดยตลอด และ UN ยินดีสนับสนุน ไทยและประเทศกำลังพัฒนาให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้
โอกาสนี้ ไทยยินดีและเห็นว่าการกำหนดจัดการประชุม SDG Summit ในปี 2566 และการประชุม Summit of the Future ในปี 2567 จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ร่วมมือกับรัฐสมาชิกสหประชาชาติอื่น ๆ ในการพิจารณาหารือทิศทางในอนาคตของโลก นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญกับบทบาทและการมีส่วนร่วมของเยาวชนในการวางนโยบาย โดยได้ติดตามข้อเสนอของเลขาธิการฯ ในการจัดตั้ง UN Youth Office อย่างใกล้ชิด และพร้อมผลักดันให้เยาวชนไทยมีส่วนร่วมในกิจกรรมของสำนักงาน
ด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ไทยเล็งเห็นความจำเป็นเร่งด่วน และให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหานี้อย่างมาก โดยในการประชุม COP27 ปีนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายผู้แทนเข้าร่วม เพื่อร่วมหารือแนวทางแก้ไขวิกฤตสำคัญนี้ รวมทั้งนำเสนอการดำเนินการของไทยตามความมุ่งมั่นที่ประกาศไว้ และได้พิสูจน์แล้วว่า ไทยยึดมั่นในพันธกรณีภายใต้ UNFCCC และความตกลงปารีส โดยไทยได้ส่ง NDC และยุทธศาสตร์ระยะยาวว่าด้วยการพัฒนาที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำที่สอดรับกับความมุ่งมั่นที่ประกาศไว้ที่ COP26 และคาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้เร็วกว่าที่กำหนดในบางประเด็น.-สำนักข่าวไทย