เร่งขยายผลผับจีนเถื่อน

กรุงเทพฯ 27 ต.ค. – ตำรวจเร่งขยายผลผับจีนเถื่อนย่านยานนาวา หลังบุกจับยึดยาเสพติดหลายชนิด รถหรูกว่า 30 คัน ส่วนผลตรวจนักเที่ยวมีสารเสพติด 78 คน ส่งฟ้องแล้ว 48 คน


ความคืบหน้าเหตุตำรวจกว่า 100 นาย บุกตรวจค้นผับจีนเถื่อนเขตยานนาวา จับกุมนักเที่ยวจีนทั้งชายหญิง รวม 237 คน และพนักงานทั้งคนไทยและต่างด้าวอีก 29 คน นอกจากเปิดสถานบริการโดยไม่มีใบอนุญาต และยังลักลอบจำหน่ายยาเสพติด คาดรายได้ต่อคืนถึง 5 ล้านบาท ทั้งยังรับฝากยาเสพติดที่ใช้ไม่หมด และจัดให้มีการเล่นพนัน ทำให้ผู้กำกับ สน.ยานนาวา ถูกคำสั่งเด้งออกจากพื้นที่ทันที

สำหรับยาเสพติดที่ตรวจพบซุกซ่อนอยู่ในตู้เซฟ มีทั้งยาเค ยาอี โดยเฉพาะยาแฮปปี้วอเตอร์ และยาไฟว์ไฟว์ ตำรวจกำลังเร่งขยายผลทลายเครือข่ายยาเสพติดทั้ง 2 ชนิดนี้ เนื่องจากกำลังแพร่ระบาดในหมู่นักท่องเที่ยวจีนที่นิยมจัดงานปาร์ตี้ตามสถานบันเทิง ร้านคาราโอเกะ คอนโดมิเนียม มีแหล่งจำหน่ายเป็นเอเยนต์ในภาคตะวันออก ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ผู้ใช้เป็นกลุ่มนักเที่ยวมีฐานะเพราะราคาแพง ส่วนรถหรูที่ยึดได้ 35 คัน ตรวจสอบพบว่ามี 1 คัน เป็นรถสวมทะเบียน อีก 34 คัน จดทะเบียนในไทย ส่วนใหญ่มีชื่อเจ้าของเป็นคนจีน ตำรวจต้องรอให้มีเจ้าของมาแสดงตัว เพื่อสอบสวนว่ารถมาจอดได้อย่างไร ได้รถมาถูกต้องหรือไม่


สำหรับบรรดานักเที่ยวชาวจีนตรวจปัสสาวะเบื้องต้นพบว่าเป็นปัสสาวะสีม่วง 104 คน และถูกนำตัวไปตรวจซ้ำที่โรงพยาบาล 4 แห่ง ในกรุงเทพฯ และปทุมธานี

ล่าสุดพันตำรวจเอกณัฐพล โกมินทรชาติ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 รักษาราชการแทนผู้กำกับการ สน.ยานนาวา เปิดเผยว่า เบื้องต้นโรงพยาบาลทั้ง 4 แห่ง ส่งผลตรวจนักเที่ยวชาวจีนที่ปัสสาวะเป็นสีม่วงอย่างเป็นทางการกลับมาแล้ว พบว่ามีผู้เสพยาเสพติดประเภทเคตามีน 78 คน จึงคุมตัวผู้ต้องหา 48 คน ไปส่งฟ้องต่อศาลแขวงพระนครใต้เช้านี้ในข้อหาเสพยาเสพติด ส่วนผู้ต้องหาอีก 30 คน ให้การปฏิเสธเจ้าหน้าที่จะนำตัวไปฝากขังต่อศาลพรุ่งนี้

ส่วนนักเที่ยวและผู้ต้องหาตรวจไม่พบสารเสพติด ได้ควบคุมตัวไว้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซอยสวนพลู โดย ตม.จะต้องเร่งตรวจสอบประวัติการเดินทางเข้าออก พาสปอร์ตและวีซ่า รวมถึงประวัติข้อมูลเชิงลึกกับทางสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อใช้ประกอบเป็นข้อมูลในการดำเนินการหลังจากนี้ หากพบว่าคนใดอยู่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือมีคดีติดตัวเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย และทำประวัติผลักดันกลับประเทศ ส่วนคนที่อยู่ถูกต้องตามกฎหมายจะทำประวัติและปล่อยตัวไป ซึ่งต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ เพราะต้องยืนยันข้อมูลจากประเทศต้นทาง แต่จะมีข้อดีที่หากพนักงานสอบสวนต้องการสอบปากคำเพิ่มเติม ก็ทำได้


ขณะที่ผู้จัดการผับตำรวจควบคุมตัวเอาไว้ได้ จากการสอบปากคำพยานหลายปากยังให้การไม่เป็นประโยชน์ เนื่องจากมีปัญหาการสื่อสารทางด้านภาษา จึงต้องให้ตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจ ตม.ช่วยเป็นล่ามแปลภาษา และต้องสอบปากคำซ้ำ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน แต่มีพยานบางส่วนพอจะยืนยันได้ว่าผู้จัดการร้านคือผู้ดูแลร้านตัวจริง ส่วนการขยายผลไปยังเจ้าของร้านตัวจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ และรวบรวมพยานหลักฐานในช่องทางอื่น แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง