กรุงเทพฯ 17 ต.ค. – ชายฉกรรจ์กว่า 10 คน สวมโม่งพร้อมอาวุธสงคราม บุกเข้าไปในแฟลตการไฟฟ้าฯ ย่านบางขุนเทียน ปล้นกัญชาและทำร้ายพ่อค้าบาดเจ็บสาหัส
เหตุการณ์นี้สืบเนื่องจากมีคนทักผ่านไลน์มาขอซื้อกัญชากับผู้เสียหาย โดยเบื้องต้นนัดขอดูและส่งสินค้าที่วัดพันท้ายนรสิงห์ แต่ผู้เสียหายต้องคอยดูแลลูกที่ยังเล็ก 3 คน จึงเสนอให้มารับสินค้าที่แฟลตแทน กระทั่งเวลาต่อมา ผู้ที่ติดต่อผ่านไลน์ได้ขับรถยนต์ฮอนด้า สีขาว เข้ามาในพื้นที่ เป็นชายมาด้วยกัน 2 คน ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินขึ้นมาที่ห้องของผู้เสียหาย ซึ่งภายในห้องดังกล่าวมีผู้เสียหายพักอาศัยอยู่กับภรรยา ลูก 3 คน และรุ่นน้องคนสนิทอีก 1 คน รวม 6 คน เมื่อชายทั้งสองเข้าห้องแล้ว ฝ่ายภรรยาผู้เสียหายจึงเดินออกมาซื้อเครื่องดื่มเพื่อรับแขก แต่ปรากฏว่า ประตูห้องถูกล็อกจากภายใน และมีเสียงคล้ายคนถูกทำร้ายร่างกายดังขึ้น เมื่อภรรยาตะโกนถาม จึงได้คำตอบว่า คนที่เข้ามานั้นต้องการมาปล้น จี้บังคับไม่ให้ส่งเสียงดัง
จากนั้นพ่อและแม่ของฝ่ายผู้เสียหายได้ยินและวิ่งขึ้นมาดู คนร้ายจึงใช้ปืนขู่ห้ามมายุ่ง จนพ่อและแม่ของผู้เสียหายต้องวิ่งลงไปขอความช่วยเหลือจากคนในตึก แล้วแจ้งตำรวจ สน.ท่าข้าม หลังจากนั้นชายชุดดำกลุ่มนี้ก็ยิงปืนในห้องหลายนัด พร้อมเก็บเอาปลอกกระสุนไปด้วย ก่อนพากันขึ้นรถกระบะ 4 ประตู หลบหนีไป
ส่วนผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส กะโหลกแตก มีเลือดคั่งในสมอง แต่พอพูดจารู้เรื่อง ซึ่งได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด
ด้านภรรยาผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บ เผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา เวลา 23.30 น. มีการนัดซื้อขายกัญชากับลูกค้าทางออนไลน์ โดยมีชาย 2 คน ทำทีขอขึ้นมาดูกัญชา แต่พอถึงห้อง ทั้งสองได้เข้าทำร้ายสามีของตนและน้องชาย ส่วนตนเองตามขึ้นไปทีหลัง ได้ยินเสียงครึกโครมภายในห้อง และสามีของตนตะโกนขอความช่วยเหลือ ตนจึงพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ จากนั้นมีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 4 คน วิ่งขึ้นมาพร้อมอาวุธ จับตนกดลงกับพื้น พร้อมพูดข่มขู่แอบอ้างว่าเป็นตำรวจ จังหวะนั้นตนพยายามต่อสู้ขัดขืน ชกไปที่เป้ากางเกง ก่อนชายคนดังกล่าวยิงปืนใส่ประตูและท่อน้ำได้รับความเสียหาย ซึ่งในช่วงจังหวะที่พยายามต่อสู้ขัดขืน ตนได้กระชากหน้ากากอนามัยกลุ่มชายดังกล่าว จนสามารถจำหน้าได้
ขณะที่รุ่นน้องคนเจ็บที่อยู่ในห้อง เล่าว่า ชาย 2 คนที่อยู่ในห้อง ใช้ปืนยาวฟาดไปที่ท้ายทอยและศีรษะของผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมจับกดลงกับพื้น และพูดจาข่มขู่แอบอ้างว่าเป็นตำรวจ มีการเรียกเอาทรัพย์สินในห้อง ลูกชายของคนเจ็บ อายุ 9 ขวบ พยายามยกมือไหว้ขอชีวิตพ่อ แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ใช้อาวุธปืนจ่อและข่มขู่เด็ก ขณะนั้นตนพยายามขัดขืน แต่ถูกผู้ก่อเหตุยิงปืนขู่ และพยายามลากร่างผู้บาดเจ็บออกจากห้อง แต่ไม่สำเร็จ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุทั้งหมดจะวิ่งหลบหนีไป
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งสองได้เผยอีกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ผู้บาดเจ็บและกลุ่มของตนเคยถูกชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง ประมาณ 10 กว่าคน อุ้มตัวไปทำร้ายร่างกาย อ้างว่าผู้ได้รับบาดเจ็บโกงเงินค่ากัญชา และมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน หลังจากนั้นได้ถูกชายคนหนึ่ง ซึ่งรู้จักดี ทำธุรกิจคาร์แคร์ ย่านดาวคะนอง โทรมาข่มขู่ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตนได้เข้าแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม แต่ไม่มีความคืบหน้าทางคดี จนมาเกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ขึ้น
ขณะที่เพื่อนบ้านของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุได้ยินเสียงคนทะเลาะกันเสียงดัง และเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3-4 นัด จากนั้นก็ได้ยินเสียงคนวิ่งหนีหลายคน แต่ขณะนั้นไม่ได้ออกมาดู เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ส่วนห้องที่เกิดเหตุ ตามปกติก็มีการพูดคุยส่งเสียงดัง และมักมีคนแวะเวียนมาหาที่ห้องบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยเกิดเหตุในลักษณะนี้มาก่อน
ด้านพี่สาวของภรรยาผู้บาดเจ็บ คาดว่าคนร้ายต้องการมาปล้น เพราะทั้งน้องสาวและน้องเขย ติดคุกคดีกัญชา 11 เดือน และเพิ่งพ้นโทษเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากปลดล็อกกัญชา ก็ได้ทรัพย์สินคืน รวมถึงกัญชาอีกหลายร้อยกิโลกรัม รวมมูลค่าเกือบ 5 ล้านบาท เพราะตอนที่คนร้ายใช้ปืนจ่อศีรษะนั้น คนร้ายพูดว่า พระเครื่อง-ทองอยู่ไหน แต่น้องเขยมีห้องไว้ใช้เก็บของมีค่าอีกห้องหนึ่ง คนร้ายจึงเอาไปได้แค่แหวนทอง 1 บาท และกุญแจรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค เท่านั้น แต่ไม่ได้รถไป เพราะมีคนได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ
ขณะที่ผู้กำกับการ สน.ท่าข้าม เปิดเผยว่า ตอนนี้พอจะทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้วบางคน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกำลังเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำ เเละไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม เพื่อขยายผลหาตัวผู้ร่วมก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย. – สำนักข่าวไทย