กทม.18 เม.ย.- มารดา ด.ญ.อายุ 14 ร้องคดีลูกสาวถูกรุมโทรม ท้องที่ สภ.ด่านช้าง เมื่อปลายปี 59 ไม่คืบ ยัน ลูกเรียนดี ไม่เที่ยวเตร่ “ศรีวราห์”สั่งสอบผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด และขอหมายจับผู้ต้องหาที่เหลือพรุ่งนี้
นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นำมารดา ด.ญ.อายุ 14 ปี ชาวสุพรรณบุรี เข้าพบพลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่สำนักงานตำรวจ เพื่อขอความเป็นธรรมคดีที่ลูกสาวถูกกลุ่มวัยรุ่นกระทำชำเรา ท้องที่ สภ.ด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อพฤศจิกายน 2559 พร้อมมอบหลักฐาน ภาพถ่ายการต่อสู้ขัดขืนขณะเกิดเหตุและหลักฐานข้อความข่มขู่จะทำร้ายและภาพอาวุธปืนให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ไว้เป็นหลักฐาน พร้อมขอให้เร่งรัดติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีทั้งหมด
มารดา ด.ญ.อายุ 14 เล่าว่า ลูกสาวยืนยันกับตนว่า ตอนที่ถูกขังในร้านเกมส์มีคนนำน้ำอัดลมมาให้ดื่มและมีอาการนอนไม่หลับ ยืนยันว่ามีผู้ข่มขืนกระทำชำเรามากกว่า 10 คน อีกทั้งลูกสาวตนไม่ใช่เด็กเกเร และไม่ได้ยินยอมตามที่บางสื่อเสนอข่าว
ทนายสงกานต์ เสริมว่า ที่ผ่านมา ทางครอบครัวไปร้องขอความเป็นธรรมกับหลายหน่วยงานทั้งศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย และสำนักนายกรัฐมนตรี แต่คดีไม่คืบหน้า อีกทั้งหลังเกิดเรื่องตำรวจไม่รับแจ้งความและพยายามให้ไกล่เกลี่ยยอมความ โดยให้เรียกค่าเสียหายแทนการดำเนินคดี นอกจากนี้ ทางครอบครัวยังถูกตามข่มขู่ ซึ่งจากข้อมูลพบว่ากลุ่มคนร้ายเป็นลูกผู้มีอิทธิพลในจังหวัดสุพรรณบุรี โดยนายไก่ ผู้ก่อเหตุที่ถูกดำเนินคดีก่อนหน้า เป็นลูกของอดีตนายตำรวจ ที่เชื่อว่าถูกกระทำชำเรา เนื่องจากมีร่องรอยบาดแผลจากการถูกทำร้าย
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้เรียกสำนวนคดีมาตรวจสอบพร้อมเตรียมขอศาลออกหมายจับผู้ต้องสงสัยทั้งหมดภายในวันพรุ่งนี้(19 เม.ย.) และให้เรียกสอบปากคำพยานทั้งหมด รวมทั้งผู้ถูกข่มขู่ หาภาพถ่ายผู้ก่อเหตุทุกคน ส่งให้ทางแอพพลิเคชั่นไลน์ภายในเวลา 16.00 น.วันนี้(18 เม.ย.) ขณะที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กรณีถูกร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมข่มขู่ผู้เสียหายและดำเนินคดีล่าช้า โดยให้มาปฏิบัติราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี จนกว่าการสอบข้อเท็จจริงจะเสร็จสิ้น นอกจากนี้ยังสั่งให้เปลี่ยนพนักงานสอบสวนชุดใหม่ และหากไม่สามารถขอศาลออกหมายจับได้ภายในกำหนดเวลา จะถูกพิจารณาโทษทางวินัย.-สำนักข่าวไทย