สน.วังทองหลาง 27 ส.ค.- คุมฝากขัง! หัวหน้าแก๊งปล้นบ้านอดีตปลัดคมนาคม เบื้องต้นยังปฏิเสธขอให้การในชั้นศาล อ้างหนีไปตั้งหลักที่ สปป ลาว กว่า 10 ปี ขณะที่ตำรวจคัดค้านการประกันตัว
ตำรวจนครบาลวังทองหลางสอบปากคำ นายวีระศักดิ์ หรือโก้ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับร่วมกันปล้นทรัพย์ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ในซอยลาดพร้าว 64 แยก 2 ย่านวังทองหลาง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2554 หลังถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และ สน.วังทองหลาง ควบคุมตัวจากจังหวัดหนองคาย มาถึง สน.วังทองหลาง เมื่อ 05.00 น.ที่ผ่านมา โดยมีทนายร่วมฟังการสอบปากคำ และในช่วงเช้าวันนี้พนักงานสอบสวนจะนำตัว นายวีระศักดิ์ ไปฝากขังศาลอาญารัชดาเป็นผัดแรกรวม 12 วัน โดยคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์และมีอัตราโทษสูง
เบื้องต้น นายวีระศักดิ์ ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการปล้นทรัพย์ของอดีตปลัดกระทรวงคมนาคมและขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น ส่วนที่ต้องหลบหนี เนื่องจากช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นข่าวใหญ่ เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยจึงต้องการหนีไปตั้งหลักที่ สปป ลาว เป็นเวลากว่า 10 ปี จนกระทั่งถูกทางการ สปป ลาว ส่งตัวมาให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย หลังพ้นโทษคดีหลบหนีเข้าเมือง จึงตรวจสอบพบว่ามีหมายจับติดตัวในพื้นที่ สน.วังทองหลาง โดยวันนี้ได้มีการประสานญาติ เพื่อให้นำหลักทรัพย์มายื่นขอประกันตัวชั่วคราวด้วย ส่วนจะได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล
สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อ 12 พ.ย.2554 โดยตำรวจ สน.วังทองหลาง รับแจ้งเหตุคนร้าย 6 คน บุกปล้นบ้านหลังหนึ่งในซอยลาดพร้าว 64 แยก 2 ย่านวังทองหลาง กรุงเทพฯ เป็นบ้านของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม โดยรื้อค้นทรัพย์สินพบกระเป๋าใส่เงินจำนวนมาก รวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงเร่งติดตามจับคนร้ายจนได้ทั้งหมด 5 คน เหลือนายวีระศักดิ์ หัวหน้าแก๊งที่หลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน จนกระทั่งถูกทางการ สปป ลาว ส่งตัวมาให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย หลังพ้นโทษคดีหลบหนีเข้าเมือง จึงตรวจสอบพบว่ามีหมายจับติดตัวในพื้นที่ สน.วังทองหลาง
ทั้งนี้ จากคำสารภาพตอนหนึ่งของคนร้ายที่อ้างว่าขนเงินสดมาได้ 200 ล้านบาทจากที่พบจำนวนมหาศาลประมาณ 700-1,000 ล้านบาท ขณะที่นายสุพจน์ กล่าวอ้างว่า คนร้ายได้เงินไปราว 5 ล้านบาทเท่านั้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตามเงินคืนมาได้กว่า 18 ล้านบาท พร้อมทองคำรูปพรรณอีก 10 บาท ซึ่งมูลค่าเกินกว่าคำกล่าวอ้างของนายสุพจน์ไปมาก หลังจากตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติเอกฉันท์ชี้มูลว่า นายสุพจน์ ร่ำรวยผิดปกติและสั่งอายัดทรัพย์เกือบ 65 ล้านบาทของนายสุพจน์ที่ไม่สามารถชี้แจงที่มาได้ พร้อมส่งเรื่องต่ออัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาลให้ยึดทรัพย์สินดังกล่าวให้ตกเป็นของแผ่นดิน .-สำนักข่าวไทย