สหรัฐ 31 ม.ค.-ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ยังยืนยันเดินหน้าคำสั่งห้ามพลเมือง 7 ชาติมุสลิม เดินทางเข้าสหรัฐเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันการก่อการร้าย แม้คำสั่งนี้จะก่อให้เกิดเสียงคัดค้าน และเสียงประนามจากทั้งในสหรัฐเองและทั่วโลก ล่าสุดเขาออกคำสั่งปลดเจ้าหน้าที่ระดับสูง ของสหรัฐ 2 คน ที่ขัดคำสั่งนี้
ประธานาธิบดีทรัมป์ สั่งปลดรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากรของสหรัฐเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังเขาออกคำสั่งไล่รักษาการ รัฐมนตรียุติธรรมออกจากตำแหน่ง โดยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ออกแถลงการณ์ เรื่องนายแดเนียล แร็กสเดล พ้นจากตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรและได้แต่งตั้งนายโธมัส โฮแมน มารักษาการตำแหน่งนี้แทน
ก่อนหน้านั้นทรัมป์ได้ออกคำสั่งฉุกเฉิน ปลดนางแซลลี เยตส์ ออกจากตำแหน่งรักษาการรัฐมนตรียุติธรรมทันที หลังเธอออกมาแสดงความสงสัยถึงความชอบธรรมของมาตรการระงับการเข้าเมืองชั่วคราว 90 วัน ที่ทรัมป์บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบกับพลเมือง 7 ประเทศมุสลิม คืออิรัก อิหร่าน เยเมน ซีเรีย โซมาเลีย ลิเบีย และซูดาน นอกจากนี้ทรัมป์ยังมีคำสั่งระงับนโยบายการตั้งถิ่นฐานถาวร ให้แก่ผู้ลี้ภัยจากทุกสัญชาติเป็นเวลา 120 วัน และปฏิเสธไม่รับพลเมืองซีเรียเข้าสหรัฐอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งนางเยตส์ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งเหล่านี้ แถมยืนยันว่าจะไม่ช่วยเหลือรัฐบาล หากมีการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยนางเยตส์วัย 56 ปี ถือเป็นข้าราชการระดับสูงคนแรก ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ในรัฐบาลของนายทรัมป์ โดยเธอยังเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตด้วย นางเยตส์ผู้นี้ รักษาการรัฐมนตรียุติธรรมในระหว่างที่กำลังรอให้วุฒิสภาสหรัฐลงมติรับรองให้นายเจฟฟ์ เซสซันส์ เป็นรัฐมนตรียุติธรรม โดยนายทรัมป์กล่าวหาว่า สว.พรรคเดโมแครตเตะถ่วงการลงมติรับรองนายเซสซันส์ ทั้งนี้การที่ทรัมป์สั่งปลดนาง เยตส์ ออกจากตำแหน่ง ทำให้หลายฝ่ายนึกย้อนไปถึง กรณีที่ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน จากพรรครีพับลิกัน เหมือนนายทรัมป์ สั่งปลดอัยการพิเศษซึ่งเป็นหัวหน้าทีมสืบสวนคดีวอเตอร์เคต ที่นำไปสู่การที่สภาคองเกรสลงมติถอดถอน นิกสันออกจากตำแหน่ง ในปี 2517
ขณะเดียวกัน นายทรัมป์ยังคงเดินหน้าใช้อำนาจพิเศษของประธานาธิบดี ลงนามในคำสั่งลดกฎระเบียบในการทำธุรกิจในสหรัฐ เพื่อส่งเสริมบรรยากาศ ด้านการลงทุนในประเทศตามที่ได้เคยหาเสียงไว้ โดยเฉพาะการส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กหรือ SME ทั้งนี้แม้นโยบายกีดกันผู้อพยพของนายทรัมป์ จะถูกต่อต้าน อย่างกว้างขวางไปทั่วโลก แต่สำหรับนักลงทุนในวอลสตรีทดูจะชื่นชอบนโยบายเศรษฐกิจของนายทรัมป์มาก.-สำนักข่าวไทย