เมียนมาร์ 19 ธ.ค.-ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ของเมียนมาร์ ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันส่งผลให้ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ต้องเข้าร่วมการประชุมฉุกเฉิน ที่นครย่างกุ้งเพื่อหารือแนวทางคลี่คลายปัญหาดังกล่าว โดยมีนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมาร์นั่งหัวโต๊การประชุม
การประชุมครั้งนี้ ริเริ่มโดยมาเลเซีย ที่ออกมาแสดงความวิตกกังวลต่อชะตากรรมของชาวโรฮิงญา ว่าปัญหานี้เป็นปัญหาระดับภูมิภาคพร้อมเรียกร้องให้สมาชิกอาเซียนร่วมกันจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังพื้นที่ดังกล่าว พร้อมสอบสวนข่าวการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวโรฮิงยาอย่างกว้างขวางในรัฐยะไข่ ด้วย หลังมีรายงานการจับกุม สังหาร และข่มขืน ชาวโรฮิงญาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการกล่าวหาว่าทหารเมียนมาร์ได้กระทำกับชาวโรฮิงญาอย่างเหี้ยมโหด นับตั้งแต่กองทัพเมียนมาร์ส่งทหารลงพื้นที่หลังเกิดเหตุ กลุ่มติดอาวุธโจมตีด่านตรวจบริเวณแนวพรมแดนเมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยนับตั้งแต่นั้นมาทหารเมียนมาร์ได้สังหารชาวโรฮิงญาไปถึง 86 คน กระทำการทารุณกรรมข่มขืน อีกทั้งยังเผาบ้านชาวโรฮิงญาจนวอดวายด้วย ขณะที่กองทัพเมียนมาร์ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
สำหรับนางซูจี ต้องเรียกประชุมฉุกเฉินในครั้งนี้ทันทีหลังนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซีย กล่าวถึงเหตุรุนแรงในรัฐยะไข่ว่า เป็นการสังหารหมู่ชาวโรฮิงญา อย่างน่าเวทนา ทั้งนี้นางซูจีกำลังเผชิญแรงกดดันทั้งทางการทูต และการประโคมข่าวครึกโครมของสื่อตะวันตกว่า เธอละเลยชะตากรรมของชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ เธอจึงต้องรีบเปิดการประชุมฉุกเฉินในครั้งนี้ และเริ่มอนุญาตให้ผู้สื่อข่าวบางกลุ่มเข้าไปทำข่าว รายงานสถานการณ์ข้อเท็จจริงในรัฐยะไข่ได้ ซึ่งรัฐบาลของนางซูจี ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเมียนมาร์ทำทุกอย่างภายใต้กฎหมาย ล่าสุดมีรายงานว่าทางการเมียนมาร์ ได้อนุญาตให้มีการจัดส่งความช่วยเหลือ ทางด้านมนุษยธรรมเข้าไปในรัฐยะไข่ได้แล้ว นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นพ้องต้องกันว่า เมียนมาร์ต้องรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ในรัฐยะไข่ต่ออาเซียนอย่างสม่ำเสมอ หลังวิกฤติที่เกิดขึ้นส่งผลให้ชาวโรฮิงยาต้องอพยพจากรัฐยะไข่ เข้าไปอาศัยในบังคลาเทศเพื่อนบ้านมากถึง 27,000 คน .-สำนักข่าวไทย