สหรัฐชี้การกักโรคบนเรือไดมอนด์ปรินเซสล้มเหลว

วอชิงตัน 18 ก.พ.- เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของสหรัฐชี้ว่า กระบวนการกักโรคบนเรือสำราญไดมอนด์ปรินเซสล้มเหลว เห็นได้จากกรณีที่ผู้โดยสารชาวอเมริกัน 14 คนติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จากเรือลำนี้ 


ดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐให้ความเห็นกับหนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ว่า ความคิดที่ว่าจะกักคนให้ปลอดภัยไม่ติดเชื้อบนเรือไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผล แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเกิดการแพร่เชื้อขึ้น ทำให้เห็นว่าการป้องกันการแพร่เชื้อบนเรือเป็นเรื่องที่ไม่ได้ผลอย่างยิ่ง กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นแจ้งเมื่อวันจันทร์ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อบนเรือที่ถูกกักนอกชายฝั่งเมืองโยโกฮามาเพิ่มขึ้นเป็น 454 คนแล้ว เท่ากับมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 4-5 คนในแต่ละชั่วโมง ผู้ที่จะได้รับการอพยพทุกคนถูกสันนิษฐานว่าไม่ติดเชื้อเพราะไม่แสดงอาการ แต่ในช่วงอพยพขณะที่ทุกคนอยู่บนรถบัสพร้อมไปขึ้นเครื่องบิน กลับมีผลตรวจตามมาในภายหลังว่ามี 14 คนติดเชื้อ เจ้าหน้าที่สหรัฐตัดสินใจอพยพกลับทั้งหมดโดยแยกผู้ติดเชื้อไว้ในพื้นที่ที่คล้ายห้องควบคุมในห้องทดลองปฏิบัติการ สถานการณ์ยิ่งกว่าตึงเครียดเพราะส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย หลายคนมีโรคประจำตัว และทุกคนต้องการกลับบ้าน เจ้าหน้าที่คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 14 คนอย่างแน่นอน 

ในช่วงที่เริ่มออกเดินทางเรือลำนี้มีผู้โดยสารทั้งหมด 2,666 คน ลูกเรือ 1,045 คน มีชาวอเมริกันอยู่บนเรือประมาณ 380 คน เรือถูกกักทั้งลำตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์เมื่อพบผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยัน 10 คน และจะพ้นระยะเวลากักในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ผู้โดยสารคนหนึ่งเผยกับยูเอสเอทูเดย์ว่า ทุกคนถูกสั่งให้อยู่แต่ในห้องพัก ลูกเรือจะนำอาหารมาวางไว้ที่หน้าห้อง คนที่อยู่ในห้องไม่มีหน้าต่างหรือระเบียงจะได้รับอนุญาตให้ออกไปสูดอากาศบนดาดฟ้าสูงสุด 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยต้องอยู่ห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1 เมตร ผู้โดยสารทุกคนได้รับแจกหน้ากากอนามัยและปรอทวัดไข้ ใครวัดไข้ตัวเองได้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียสจะต้องแจ้งลูกเรือ ผู้โดยสารรายนี้เผยเมื่อวันเสาร์ว่า ไม่กลับพร้อมกับเครื่องบินเช่าเหมาลำที่ทางการสหรัฐส่งมารับในวันอาทิตย์เพราะดูกระบวนการอพยพแล้วไม่ปลอดภัย ทางการจะพาคนเป็นร้อยขึ้นจากเรือทั้งที่ยังไม่พ้นระยะเวลากักดูอาการและไม่ได้ตรวจหาเชื้อให้ครบทุกคน จากนั้นก็จะให้ขึ้นรถบัสไปพร้อมกันเพื่อไปขึ้นเครื่องบินลำเดียวกัน แล้วก็จะบังคับกักดูอาการที่สหรัฐอีก 14 วันโดยไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับผู้ถูกกักบ้าง.- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง