แดนอิเหนาฮิตเมนูแกงกะทิค้างคาวแม้ไวรัสโคโรนาระบาด

อินโดนีเซีย 11 ก.พ.-ชาวอินโดนีเซียจำนวนไม่น้อย ยังคงนิยมกินแกงกะทิค้างคาว ไม่หวั่นสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาด ซึ่งอาจมีที่มาจากสัตว์ป่าเหล่านี้


กิจการร้านอาหารที่ขายเนื้อค้างคาวในเมืองมานาโด บนเกาะสุลาเวสีของอินโดนีเซียยังดำเนินไปด้วยดี โดยไม่หวาดกลัวการระบาดของไวรัสโคโรนา ที่มีต้นตอมาจากตลาดค้าสัตว์ป่าในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ค้างคาว งู และตัวนิ่ม เป็นแหล่งระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญ ตั้งข้อสันนิษฐานว่า ไวรัสโคโรนา อาจมีต้นกำเนิดอยู่ในตัวของค้างคาว และถ่ายทอดสู่คน ได้มากกว่าสัตว์สายพันธุ์อื่น 


ผู้ค้าค้างคาวในเมืองมานาโด บอกว่า แม้มีข่าวการระบาดของไวรัสโคโรนา และร้านอาหารหลายแห่ง จะหยุดขายอาหารที่ทำจากเนื้อค้างคาว แต่พวกเขายังคงขายเนื้อค้างคาวได้ดี โดยเนื้อค้างคาวจะถูกนำไปปรุงเป็นส่วนประกอบหลัก ในเมนูยอดฮิตอย่างแกงกะทิค้างคาว หรือที่ชาวบ้านท้องถิ่นเรียกกันว่า paniki เป็นอาหารยอดนิยมในหลายพื้นที่ของอินโดนีเซีย นอกจากนี้ เนื้อค้างคาวยังถูกนำมาใช้เป็นยา เพราะชาวบ้านเชื่อว่า เนื้อค้างคาวสามารถรักษาโรคหืด ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะไม่แพร่ระบาดในเมืองมานาโด พวกเขาจึงไม่กังวลในเรื่องนี้

ลูกค้าคนหนึ่งที่เข้ามารับประทานแกงกะทิค้างคาว บอกว่า เธอและคนอื่น รับประทานแกงกะทิค้างคาวอยู่บ่อยๆ และเชื่อมั่นว่าพระเจ้าเป็นผู้ตัดสินว่า จะให้พวกเธอป่วยหรือไม่ ทั้งนี้ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดใน 27 ประเทศและดินแดน แต่ที่ผ่านมายังไม่พบผู้ติดเชื้อในอินโดนีเซีย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

“นายกเบี้ยว” พาลูกเข้ารับทราบข้อกล่าวหา-ตร.ยัน “พีช” เจตนาทำผิดอาญา

กรณี “พีช” ลูกนายกเบี้ยว ขับรถหรูปาดหน้าชนกระบะลุงป้า ตำรวจ สภ.ลำลูกกา ยืนยันพฤติการณ์ไม่ใช่แค่ขับรถประมาท แต่เจตนาทำผิดคดีอาญา และโดนแจ้งข้อหาขับรถไม่มีใบอนุญาต เนื่องจากใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ปี 64 ขณะที่ล่าสุด “นายกเบี้ยว” พาลูกชายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว

“ชัชชาติ” รับหลักฐานบางส่วนเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

“ชัชชาติ” นำทีม กทม. พบ นายกฯ รายงานคืบหน้ากู้ซากอาคาร สตง. ถล่ม ย้ำ รัฐ-เอกชน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ขาดเหลือด้านใด เผย นายกฯ ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง พร้อมให้ความร่วมมือตำรวจเก็บหลักฐาน แนะ ไปหน้างานประสานเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานได้เลย ยอมรับ หลักฐานบางส่วนพังเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

ปิดเขาล้อมจับมือปืนลำดับ 93 หนีคดี 10 ปี

ปฏิบัติการบุกขึ้นเขาปิดล้อม จับกุมมือปืนคนสำคัญ ลำดับ 93 ค่าหัว 1 แสนบาท ก่อเหตุอุกอาจหนีคดีมา 10 ปี แต่สุดท้ายไม่รอดมือตำรวจ