“เดวิด มัลพาสส์” นั่งแท่นประธานเวิลด์แบงก์คนใหม่

สหรัฐ 8 เม.ย. – ตั้งปลัดคลังสหรัฐคนสนิทผู้นำสหรัฐ เป็นประธานเวิลด์แบงก์คนใหม่ คาดปฏิรูปองค์กรครั้งใหญ่…ตามใบสั่งโดนัลด์ ทรัมป์


การเลือก “เดวิด มัลพาสส์” ปลัดกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้นั่งเก้าอี้ประธานธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ถือเป็นการเปิดโฉมหน้าว่าที่ผู้นำองค์กร การเงินระดับโลกคนใหม่ ซึ่งกำลังถูกจับตาว่าจะดำเนินนโยบายการเงินโลกเอื้อกับจุดยืนของทรัมป์หรือไม่



มัลพาสส์ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานธนาคารโลกในวันที่ 9 เม.ย.นี้ (เวลาท้องถิ่น) เป็นเพียงบุคคลเดียวที่ถูกเสนอชื่อให้ ดำรงตำแหน่งนี้ซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี แต่การเสนอชื่อเขาโดยประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อช่วงต้นปีนี้ ได้โหมกระพือเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายเห็นต่าง ซึ่งมองว่า เป็นการสบประมาทองค์กรแห่งนี้ซึ่ง มีภารกิจอันสำคัญยิ่งในการต่อต้าน ความยากจนทั่วโลก

ธนาคารโลก แถลงเมื่อวันศุกร์ว่า “การเลือก มัลพาสส์ โดย คณะกรรมการบริหารของธนาคารโลก มีขึ้นตามหลังกระบวนการเสนอชื่อที่ เปิดกว้างและโปร่งใส ซึ่งพลเมืองของ แต่ละประเทศสมาชิกต่างมีสิทธิถูก เสนอชื่อ” การประกาศเลือกประธานธนาคารโลกคนใหม่ ซึ่งเป็นไปตามที่คาดหมาย มีขึ้น ก่อนสมัยการประชุมร่วมฤดูใบไม้ผลิของเวิลด์แบงก์กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ในสัปดาห์นี้

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ธนาคาร แห่งนี้ถูกก่อตั้งขึ้นหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 ประธานของเวิลด์แบงก์ทุกคนที่ผ่านมาล้วนเป็นชาวอเมริกัน ตามกฎระเบียบที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรหนึ่งซึ่งรับประกันเช่นกันว่าตัวแทนจากยุโรปจะได้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดในสถาบันพี่น้องกัน คือ ไอเอ็มเอฟ

เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังวัย 63 ปีรายนี้ ซึ่งรับหน้าที่ดูแลกิจการระหว่างประเทศ เคยวิพากษ์วิจารณ์เวิลด์แบงก์และไอเอ็มเอฟ อย่างดุเดือด โดยเขาบอกว่าทั้ง 2 องค์กรล้วนเป็นสถาบันการเงินระหว่างประเทศที่ “ทุจริต” และ “ไร้ประสิทธิภาพ” พร้อมยังวิจารณ์ที่เวิลด์แบงก์ที่เอื้อเฟื้อจีนมากเกินไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ มัลพาสส์ ได้แสดงท่าทีโอนอ่อนลง โดยบอกว่า เขาจะมุ่งมั่นในภารกิจของธนาคารโลก ในการขจัดความยากจนและจะพยายามปฏิรูปสถาบันนี้ตามแผนที่ได้รับการอนุมัติเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งใส่ใจต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาของเขา ในนั้นรวมถึงการจำกัด การปล่อยกู้ และเพิ่มอัตราดอกเบี้ย แก่ประเทศที่มีรายได้สูงอย่างจีนด้วยสหรัฐควบคุมสิทธิโหวตส่วนใหญ่ในธนาคารโลก และตำแหน่งประธานเวิลด์แบงก์นี้ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้วจะมาจากประเทศที่ถือหุ้นใหญ่ที่สุด ซึ่งก็คือสหรัฐ ประธานของเวิลด์แบงก์ทุกคนที่ผ่านมาจึงล้วนเป็นชาวอเมริกัน

แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหล่าประเทศเกิดใหม่ส่งเสียงท้าทายข้อตกลงที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับตำแหน่งผู้นำเวิลด์แบงก์และไอเอ็มเอฟ โดยเรียกร้องให้เปิดกว้างมากขึ้นและมีกระบวนการ คัดเลือกบนพื้นฐานของความเหมาะสม ธนาคารโลกรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นและตอนนี้ยอมให้กระบวนการสรรหาเปิดกว้างมากขึ้น แต่หลายปีที่ผ่านมา เหล่าผู้สมัครที่ไม่ใช่ชาวอเมริกันต่างได้รับเสียงสนับสนุนเพียงเล็กน้อยจากบรรดาหุ้นส่วนใหญ่ของธนาคารแห่งนี้

กระบวนการสรรหาประธานธนาคารโลกคนใหม่ มีขึ้นหลังจากที่ จิม ยอง คิม ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานธนาคารโลกเมื่อต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. แม้ว่าเขา ยังเหลือระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่มากกว่า 3 ปี ก่อนครบวาระในปี 2565 หลังจากที่เขาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารโลกสมัยที่ 2 เมื่อปี 2559

ทั้งนี้ สหรัฐซึ่งมีสิทธิออกเสียงมากที่สุดในธนาคารโลกนั้น มีส่วนในกระบวนการเลือกสรรประธานธนาคารโลกนับตั้งแต่ ที่องค์กรได้เริ่มดำเนินการในปี 2489

มนูชิน เสริมว่า มัลพาสส์เหมาะสม ตามอุดมคติที่จะเป็นผู้นำเวิลด์แบงก์ ขณะที่ อิวานกากล่าวว่า เธอเชื่อว่าเขาจะเป็นผู้นำที่ไม่ธรรมดา

รมว.มั่นคงมาตุภูมิสหรัฐ ลาออก เซ่นปัญหาผู้อพยพ

เคิร์สต์เจน นีลเซน (Kirstjen Nielsen) รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐ ลาออกจากตำแหน่งแล้วเมื่อวานนี้ (7 เม.ย.) หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาแสดงความไม่พอใจที่มีผู้อพยพจากเม็กซิโกหลั่งไหลมายังพรมแดนสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น

เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งเผยว่า ทรัมป์ เป็นผู้ขอให้ นีลเซน ลาออกเอง ซึ่งเธอก็ยินยอมโดยผู้นำสหรัฐฯ ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า “รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เคิร์สต์เจน นีลเซน กำลังจะลาออกจากตำแหน่ง และผมขอขอบคุณเธอที่ได้อุทิศตนรับใช้บ้านเมือง”

ทรัมป์ ระบุว่า เควิน แมคคาลีนัน (Kevin McAleenan) ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐ จะขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ

นีลเซน วัย 46 ปี ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิมาตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปี 2017 และมีข่าวลือตลอดช่วงปีที่แล้วว่าเธออาจจะลาออก กระทั่งล่าสุดเมื่อเจ้าหน้าที่ชายแดนสหรัฐฯ ออกมาเผยว่ามีผู้อพยพถูกสกัดที่ชายแดนเม็กซิโกมากถึง 100,000 คนในเดือน มี.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบทศวรรษ

การสกัดกั้นผู้อพยพผิดกฎหมายถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ทรัมป์ ซึ่งได้ชูสโลแกน “สร้างกำแพง” เพื่อลดจำนวนผู้มาใหม่ที่ลักลอบเข้าสหรัฐฯ โดยปราศจากเอกสารที่ถูกต้อง ผู้อพยพที่เพิ่มจำนวนขึ้นในเดือนที่แล้วส่วนใหญ่เป็นประชากรจากอเมริกากลางที่ต้องการลี้ภัยในสหรัฐ

ทรัมป์ หงุดหงิดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถึงขั้นประกาศจะตัดความช่วยเหลือกัวเตมาลา ฮอนดูรัส และเอลซัลวาดอร์ ซ้ำยังขู่จะปิดพรมแดนที่ติดกับเม็กซิโกเสีย ทว่าต่อมาก็เปลี่ยนใจหันมาขู่รีดภาษีชิ้นส่วนรถยนต์นำเข้าจากเม็กซิโกแทน

ในจดหมายลาออกของเธอ นีลเซน เรียกร้องขอความร่วมมือจากสภาคองเกรสและศาล ซึ่งคัดค้านนโยบายกีดกันผู้อพยพจากชาติมุสลิมและมาตรการจับแยกเด็กๆ ผู้อพยพออกจากพ่อแม่ของ ทรัมป์ มาโดยตลอด

“ดิฉันหวังว่า รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิคนใหม่คงจะได้รับการสนับสนุนจากสภาคองเกรสและศาลในการแก้ไขกฎหมายซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการป้องกันชายแดนอเมริกา และมีส่วนสร้างความแตกแยกในชาติของเรา” เธอระบุในจดหมายลาออกที่ส่งถึงทรัมป์

การลาออกของ นีลเซน มีขึ้นเพียง 2 วัน หลังจากที่ ทรัมป์ ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (5) ว่าจะเลิกเสนอชื่อ โรนัลด์ วิทิเอลโล (Ronald Vitiello) เป็นผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแห่งสหรัฐ (ICE) เนื่องจากอยากได้คนที่ “แข็งกร้าว” กว่านี้

นีลเซน ถูกพวกเดโมแครตในคณะกรรมาธิการคองเกรสซักฟอกมาแล้วหลายครั้ง และยังต้องรับคำวิจารณ์จากผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของทรัมป์ เมื่อปีที่แล้วเธอยังถูกผู้ประท้วงปิดล้อมที่ภัตตาคารอาหารเม็กซิกันแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ด้วย

เธอกลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนล่าสุดที่ถอนตัวจากรัฐบาลทรัมป์ ทำให้เวลานี้เหลือคณะรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิงอยู่เพียง 4 คน นอกจากนี้ ทรัมป์ ก็ยังสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวอย่างถาวรไม่ได้

เบนนี ทอมป์สัน ส.ส.เดโมแครตซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสภาผู้แทนราษฎร ชี้ว่าการทำงานของ นีลเซน ที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิถือว่าเป็น “หายนะตั้งแต่ต้น” แต่ก็ไม่เห็นด้วยที่เธอจะต้องกลายเป็นแพะรับบาปจาก “นโยบายที่แย่และทารุณโหดร้าย” ของทรัมป์

เมื่อปีที่แล้ว นีลเซน เผชิญแรงกดดันจากนักวิจารณ์ให้ถอนตัวออกมา หลังจาก ทรัมป์ เริ่มใช้นโยบาย “ความอดทนเป็นศูนย์” (Zero Tolerance) ซึ่งรวมถึงการจับเด็กผู้อพยพแยกออกจากพ่อแม่ โดยหวังข่มขู่ไม่ให้อีกหลายครอบครัวทิ้งบ้านมาแสวงหาชีวิตใหม่ในสหรัฐอเมริกา .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย