วอชิงตัน 6 ก.พ.- ซีเอ็นเอ็นตรวจสอบเนื้อหาในการแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภา (State of the Union address) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรื่องอาชญากรรมที่เกิดจากคนลอบเข้าเมืองและผลงานทางเศรษฐกิจเมื่อค่ำวันอังคารตามเวลาสหรัฐ ตรงกับเช้าวันพุธตามเวลาในไทย
ประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งเชิญครอบครัวผู้ถูกคนลอบเข้าเมืองฆาตกรรมมาร่วมฟังการแถลงนโยบายเป็นปีที่สองอ้างว่า ปีแล้วปีเล่าชาวอเมริกันถูกคนลอบเข้าเมืองฆาตกรรมนับไม่ถ้วน ซีเอ็นเอ็นแย้งว่า สำนักงานสถิติด้านยุติธรรมของสหรัฐไม่ได้แยกแยะสัญชาติผู้ถูกจับกุมจึงไม่มีข้อมูลอ้างอิงได้ว่าผู้ลอบเข้าเมืองก่ออาชญากรรมมากน้อยเพียงใด ผลการศึกษาข้อมูลในรัฐเทกซัสปีก่อนพบว่า ผู้เข้าเมืองไม่ว่าถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมายถูกตัดสินว่าก่ออาชญากรรมน้อยกว่าคนอเมริกันโดยกำเนิด ขณะที่ผลการศึกษาอื่น ๆ พบว่า เหตุฆาตกรรม ข่มขืน ปล้น และทำร้ายร่างกายสาหัสไม่ได้เพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ลอบเข้าเมืองที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2533 นอกจากนี้ยังพบว่า วัยรุ่นลอบเข้าเมืองก่อเหตุอาชญากรรมน้อยกว่าวัยรุ่นเข้าเมืองถูกกฎหมายและวัยรุ่นอเมริกัน
ส่วนเรื่องที่ประธานาธิบดีทรัมป์อ้างว่า ช่วงสองปีที่เข้ามาบริหารประเทศ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซีเอ็นเอ็นระบุว่า ทรัมป์อ้างได้แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เขาขึ้นบริหารประเทศในช่วงท้ายของการฟื้นตัวยาวนานจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ปี 2552 ซึ่งมีการสร้างงานมาอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลบารัค โอบามาสมัยที่สองมีการจ้างงานใหม่เฉลี่ย 217,000 ตำแหน่งต่อเดือน ขณะที่รัฐบาลทรัมป์มีการจ้างงานใหม่เฉลี่ย 203,000 ตำแหน่งต่อเดือน ส่งผลให้อัตราว่างงานรวมแตะระดับต่ำสุดนับจากปี 2512 และรัฐบาลทรัมป์มีการจ้างงานใหม่ทั้งหมด 4.87 ล้านตำแหน่ง ไม่ใช่ 5.3 ล้านตำแหน่งตามที่เขากล่าวอ้าง ส่วนค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะทางการท้องถิ่นขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ไม่เกี่ยวกับประธานาธิบดี นอกจากนี้การที่เศรษฐกิจสหรัฐโตขึ้นร้อยละ 4.2 ในไตรมาสสองของปีก่อนส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลกลางเพิ่มงบกลาโหมและลดภาษีนิติบุคคลลงอย่างมาก จากนั้นเศรษฐกิจก็ขยายตัวลดลงเหลือร้อยละ 3.4 ในไตรมาสต่อมา.- สำนักข่าวไทย