ลอสแอนเจลิส 10 ม.ค.- มีหลายปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าในเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอ (LA) ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐไหม้ลามเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นวิกฤตไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศ สำนักงานป่าไม้และป้องกันไฟป่ารัฐแคลิฟอร์เนียหรือแคลไฟร์ (Cal Fire) ระบุว่า ไฟป่าจุดแรกเกิดขึ้นที่ย่านแปซิฟิก พาดิเซดส์ (Pacific Padisades) เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 7 มกราคมตามเวลาท้องถิ่น ขณะนี้ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียเพิ่มเป็น 8 จุดแล้ว เจ้าหน้าที่กำลังหาสาเหตุที่แท้จริงของวิกฤตไฟป่าครั้งนี้ ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัยรวมกันจนกลายเป็นสภาพที่เอื้อต่อการเกิดไฟป่า รัฐแคลิฟอร์เนียตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของสหรัฐติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีประชากรมากที่สุดและมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ที่ผ่านมามักเกิดไฟป่าช่วงเดือนมิถุนายนและเดือนกรกฎาคม โดยอาจยืดเยื้อไปจนถึงเดือนตุลาคม แต่ไฟป่าขณะนี้เกิดขึ้นในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นเดือนที่หนาวเย็นที่สุดของฤดูหนาว รายงานของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสหรัฐระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีส่วนทำให้ไฟป่าเกิดถี่ขึ้น ฤดูไฟป่ายาวนานขึ้น และมีพื้นที่ถูกเผาไหม้เพิ่มขึ้น เขตแคลิฟอร์เนียใต้ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไฟป่ากำลังโหมไหม้ประสบภาวะภัยแล้ง ไม่มีฝนตกอย่างจริงจังมาเป็นเวลาหลายเดือน ภาวะแล้งดังกล่าว ประกอบกับลมแซนตาแอนา (Santa Ana winds) ที่เป็นกระแสลมร้อนและแห้งที่มักเกิดขึ้นในบริเวณนี้น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่ารุนแรง เพราะกระแสลมร้อนจากพื้นที่ตอนในได้พัดออกไปยังพื้นที่ชายฝั่ง เป็นเหตุให้ความชื้นในอากาศลดลงอย่างมาก ส่งผลให้พืชพรรณแห้งจนเสี่ยงติดไฟง่าย หากมีประกายไฟที่อาจเกิดจากก้นบุหรี่ สายไฟฟ้า หรือยวดยาน นักอุตุนิยมวิทยาคนหนึ่งเผยว่า ช่วงกลางดึกวันที่ 7 มกราคม […]