เบรุต 11 ต.ค. – กองทัพอิสราเอลโจมตีทางอากาศถล่มพื้นที่ 2 แห่งที่มีประชากรหนาแน่น ใจกลางกรุงเบรุต ประเทศเลบานอนเมื่อคืนที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 ราย บาดเจ็บอีก 117 คน
รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเลบานอนแถลงว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 ราย และบาดเจ็บ 117 คน จากการโจมตีอาคารสองหลังในย่านเอ็นไวรี และย่านบาสตา ใจกลางกรุงเบรุต ซึ่งเป็นย่านที่มีประชากรอาศัยหนาแน่น เมื่อเวลาราว 20.00 น. คืนที่ผ่านมา แหล่งข่าวความมั่นคงของเลบานอน ระบุว่า วาฟิก ซาฟา สมาชิกระดับแกนนำคนสำคัญของฮิซบอลเลาะห์ น้องเขยของ ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ อดีตผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เป็นเป้าหมายสำคัญในการโจมตีครั้งนี้ แต่ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับชะตากรรมของเขา โดยในพื้นที่ตอนกลางของกรุงเบรุตไม่เคยถูกโจมตีจากอิสราเอลมาก่อน และอยู่ห่างจากเขตชานเมืองตอนใต้ของกรุงเบรุตพอสมควร มีรายงานว่า ศูนย์บัญชาการใหญ่ของฮิซบอลเลาะห์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ตกเป็นเป้าโจมตีจากอิสราเอลด้วย เป็นไปตามที่กองทัพอิสราเอลระบุในเวลาต่อมาว่า อาคารที่ทั้งสองหลังที่ตกเป็นเป้าโจมตีเป็นฐานที่มั่นสำคัญของแกนนำฮิซบอลเลาะห์
ก่อนหน้านี้ กองทัพอิสราเอลประกาศคำเตือนอพยพครั้งใหม่สำหรับพื้นที่ชานเมืองตอนใต้ของกรุงเบรุต รวมถึงอาคารหลายหลังที่มีการเจาะจงเป็นพิเศษด้วย รวมถึงเตือนพลเรือนเลบานอนในภาคใต้ไม่ให้เดินทางกลับเข้าบ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากการสู้รบ เชื่อว่าเป็นคำเตือนล่วงหน้าก่อนเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่เมื่อคืนที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นทั่วกรุงเบรุต
ขณะเดียวกัน สหประชาชาติ หรือยูเอ็น เตือนการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม หลังจากเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพ 2 รายซึ่งเป็นชาวอินโดนีเซียได้รับบาดเจ็บ เมื่อรถถังของอิสราเอลยิงใส่หอสังเกตการณ์ที่ฐานทัพยูเอ็นทางใต้ของเลบานอน กองกำลังชั่วคราวของยูเอ็นในเลบานอน หรือยูนิฟิล (Unifil) แถลงว่า กองทัพอิสราเอลได้โจมตีสถานที่หลายแห่งของยูเอ็นหลายครั้งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา รวมถึงจงใจยิงไปที่กล้องวงจรปิดด้วย ขณะที่อิตาลีเรียกเอกอัครราชทูตอิสราเอลเข้าพบ โดยระบุว่า ฐานทัพของอิตาลีถูกโจมตี และเรียกการกระทำของอิสราเอลว่ายอมรับไม่ได้.-815.-สำนักข่าวไทย