ลอสแอนเจลิส 7 ก.ย.- รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐประกาศจะต่อสู้เพื่อปกป้องผู้ลอบเข้าเมืองตั้งแต่ยังเป็นผู้เยาว์หรือที่เรียกว่าดรีมเมอร์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยกเลิกนโยบายนิรโทษกรรมให้ดรีมเมอร์ที่ประกาศใช้ในสมัยบารัค โอบามา
นายซาเวียร์ เบแซร์รา อัยการใหญ่รัฐแคลิฟอร์เนียที่มีเชื้อสายเม็กซิโกแถลงว่า จะยื่นฟ้องรัฐบาลทรัมป์ว่าทำให้ชีวิตของดรีมเมอร์กว่า 200,000 ที่มีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจแคลิฟอร์เนียใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก ตกอยู่ในอันตราย ขณะที่นายเอริก การ์เซตตี นายกเทศมนตรีนครลอสแอนเจลิสประกาศว่า จะปกป้องดรีมเมอร์จากการตัดสินใจที่โหดร้าย ส่วน ส.ว.เควิน เด เลออน ของรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีเชื้อสายกัวเตมาลากล่าวว่า ดรีมเมอร์เป็นอนาคตของรัฐเพราะเป็นคนในวัยทำงาน ด้านนักวิชาการชี้ว่า รัฐได้ลงทุนให้การศึกษากับดรีมเมอร์ไปค่อนข้างมาก หากถูกเนรเทศก็จะเป็นการเสียเปล่า
รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นที่อยู่ของดรีมเมอร์ 1 ใน 4 จากทั้งหมด 800,000 คนที่ได้รับการนิรโทษกรรมไม่ต้องถูกเนรเทศออกนอกประเทศตามโครงการ Deferred Action for Childhood Arrivals (DACA) ผลการศึกษาเมื่อเดือนมกราคมของศูนย์เพื่อความก้าวหน้าอเมริกันระบุว่า การยกเลิกโครงการนี้จะทำให้รัฐแคลิฟอร์เนียเสียหายปีละ 11,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 374,357 ล้านบาท)
โอบามาประกาศโครงการ DACA ในปี 2555 ให้ผู้ลอบเข้าเมืองขณะยังเป็นผู้เยาว์มาขึ้นทะเบียนแล้วจะได้รับความคุ้มครองเป็นเวลา 2 ปี จากนั้นสามารถขอต่ออายุได้ คำสั่งของทรัมป์ทำให้ดรีมเมอร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนพูดภาษาสเปนและอยู่ในวัย 20 ปีเศษจะไม่ได้รับความคุ้มครองและเสี่ยงถูกเนรเทศภายใน 6-24 เดือน.- สำนักข่าวไทย