ชลบุรี 2 ส.ค. – นักวิชาการจากชาติสมาชิกอาเซียน รวมทั้งจีน และสหรัฐ ระบุตลอด 50 ปีที่ผ่านมา อาเซียน ประสบความสำเร็จ ในการดำเนินนโยบายและความร่วมมือด้านความมั่นคง แนะชาติอาเซียนร่วมมือต่อไป เผชิญภัยคุกคามรูปแบบใหม่
ในการประชุมสัมมนาวิชาการนานาชาติในหัวข้อ “เชื่อมอาเซียนเชื่อมโลก: ในโอกาส 50 ปี อาเซียน” ซึ่งจัดขึ้นโดยศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ที่ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์กองทัพไทยเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดชลบุรี นักวิชาการด้านความมั่นคงจากชาติสมาชิกอาเซียน ได้แก่บรูไน กัมพูชา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม เห็นสอดคล้องกันว่า ตลอดระยะเวลา 50 ปีนับตั้งแต่ 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมกลุ่มเป็นสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ได้ดำเนินนโยบายสร้างความมั่นคงในภูมิภาคมาถูกทาง โดยเฉพาะการใช้หลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในระหว่างกัน และการวางตัวเป็นกลางบนเวทีโลก ทำให้ชาติสมาชิกสามารถเปลี่ยนสถานะจากที่เคยเป็นคู่ขัดแย้งในช่วงสงครามเย็น มาสู่ความเป็นชาติพันธมิตรที่ร่วมมือกันได้ในหลายด้าน ทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีกับ ประเทศนอกกลุ่มอาเซียน อย่างไรก็ตามอาเซียนกำลังเผชิญความท้าทายด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ ทั้งภัยธรรมชาติ การโจมตีทางไซเบอร์ และภัยก่อการร้าย จึงจำเป็นต้องจับมือกันเหนียวแน่นต่อไป เพื่อร่วมกันจัดการปัญหา โดยใช้เวทีการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน (ADMM Plus) เป็นกลไกสำคัญ
ขณะที่นักวิชาการจากจีนและสหรัฐ สองชาติมหาอำนาจซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของอาเซียน กล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า ประชาคมอาเซียนกำลังมีอนาคตที่สดใส มีความมั่นคง อีกทั้งจะมีบทบาทบนเวทีโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ ทั้งจีนและสหรัฐยังมุ่งหวังที่จะกระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือกับอาเซียน ทั้งด้านการค้า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เน้นสร้างความเชื่อมโยง รวมทั้งความมั่นคงด้วย
ส่วนประเด็นข้อพิพาททะเลจีนใต้ ที่จีนกำลังเป็นคู่กรณีของหลายชาติสมาชิกอาเซียน นักวิชาการจีนเชื่อว่า การพูดคุยประนีประนอมคือหนทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด โดยถือว่าจีนและอาเซียนกำลังเดินมาถูกทาง เชื่อว่า ท้ายที่สุดชาติต่างๆ จะบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้อย่างสันติ และจีนก็ไม่เคยคิดจะใช้ความเป็นมหาอำนาจ ข่มขู่ช่วงชิงผลประโยชน์แต่อย่างใด.- สำนักข่าวไทย