อิสราเอล 15 ต.ค. – อิสราเอลสั่งทหารแนวหน้าเตรียมพร้อม บุกถล่มกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาทั้งภาคพื้นดิน ทางอากาศ และทางทะเล หลังประกาศเตือนชาวปาเลสไตน์กว่า 1.1 ล้านคน ทางตอนเหนือของฉนวนกาซาอพยพลงใต้
ผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์หลังจากกลุ่มติดอาวุธฮามาสปฏิบัติการโจมตีแบบอิสราเอลแบบไม่มีใครคาดคิดเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว จนมีผู้เสียชีวิตในอิสราเอลกว่า 1,300 ราย ในจำนวนนี้เป็นแรงงานชาวไทย 24 ราย ถูกจับไปเป็นตัวประกันในฉนวนกาซาอีกกว่า 150 คน ในจำนวนนี้เป็นคนไทย 16 คน ขณะที่อิสราเอลตอบโต้ด้วยการยิงจรวดและขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาตลอด 8 วัน ที่ผ่านมา แล้วหลายพันลูก มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้วกว่า 2,200 ราย เฉพาะเมื่อวานนี้ (14 ต.ค.) มีชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาเสียชีวิตเพิ่ม 300 ราย บาดเจ็บ 800 คน เหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก
ล่าสุด ทหารอิสราเอลทั้งทหารอาชีพและทหารกองหนุนกว่า 300,000 นาย พร้อมยานยนต์หุ้มเกราะและรถถัง ถูกส่งเข้าประชิดพรมแดนฉนวนกาซาแล้ว รอเพียงคำสั่งจากรัฐบาลว่าจะสามารถเดินหน้าบุกข้ามไปยังฉนวนกาซาได้เมื่อใด ซึ่งนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล บอกว่าการบุกภาคพื้นดินเข้าไปยังฉนวนกาซาจะเกิดขึ้นแน่นอนในเร็ว ๆ นี้ ตามปฏิบัติการ ‘ดาบเหล็ก’ (Swords of Iron) และจะยังมีการโจมตีทั้งทางอากาศและทางทะเลด้วย เนื่องจากอิสรเอลได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ ที่ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่ 2 มุ่งหน้าสู่อิสราเอล เป้าหมายสำคัญของกองทัพอิสราเอล นอกจากมุ่งบุกตะลุยเข้าทำลายเป้าหมายที่เป็นบุคคลและสถานที่ของกลุ่มฮามาสแล้ว ยังมีภารกิจช่วยเหลือตัวประกัน 150 คน ที่ถูกฮามาสจับไว้ด้วย
ก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กองทัพอิสราอลได้แจ้งเตือนให้ชาวปาเลสไตน์ 1.1 ล้านคนในพื้นที่ตอนเหนือของฉนวนกาซา หรือเกือบครึ่งหนึ่งของชาวปาเลสไตน์ 2.3 ล้านในฉนวนกาซา รีบอพยพลงสู่ทางตอนใต้ภายใน 24 ชั่วโมง ทำให้หลายฝ่ายรวมถึงสหประชาชาติออกมาแสดงความวิตกกังวล เพราะแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอพยพผู้คนจำนวนมหาศาลในเวลาจำกัด โดยไม่ให้เกิดผลกระทบรุนแรงด้านมนุษยธรรม
อย่างไรก็ดี อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำของกลุ่มฮามาสปาเลสไตน์ แถลงจากสถานที่ไม่เปิดเผย ยืนยันว่าชาวปาเลสไตน์จะไม่ออกจากกาซา หรือเขตเวสต์แบงก์ เพื่ออพยพไปยังอียิปต์ตามคำสั่งของอิสราเอล โดยชี้ว่า การเตือนอพยพประชาชนเป็นความพยายามของอิสราเอลที่จะเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อหลอกลวง สร้างความสับสนในหมู่ประชาชน และบ่อนทำลายความเป็นเอกภาพภายในของปาเลสไตน์.-สำนักข่าวไทย