เยรูซาเล็ม 22 พ.ค.- นักวิเคราะห์การเมืองชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์มองว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะไม่ทำอะไรมากนักเรื่องกระบวนการสันติภาพตะวันออกกลางระหว่างการเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง
นักวิเคราะห์ชาวอิสราเอลมองว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการใช้การเยือนตะวันออกกลางระหว่างเยือนต่างประเทศครั้งแรกเป็นเวทีแสดงให้เห็นว่ามีพันธสัญญากับอิสราเอลตามที่เคยหาเสียงไว้เพื่อเอาใจอิสราเอลและคริสตชนอเมริกันนิกายอีแวนเจลิสที่สนับสนุนอิสราเอล ทรัมป์ประกาศชัดเจนหลายครั้งระหว่างหาเสียงเลือกตั้งปีก่อนว่าสนับสนุนนโยบายที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล และเคยถึงขั้นกล่าวว่าจะย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟ ซึ่งเป็นเมืองหลวงอิสราเอลตามการรับรองของนานาชาติไปยังนครเยรูซาเล็มที่ทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์อ้างว่าเป็นเมืองหลวงของตนเอง แต่เมื่อได้เข้าไปในทำเนียบขาว ท่าทีของทรัมป์ก็เปลี่ยนไป เช่น กล่าวกับนายกรัฐมนตรีเบนยามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลที่ทำเนียบขาวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ให้งดสร้างนิคมชาวยิวแห่งใหม่
ด้านนักวิเคราะห์ชาวปาเลสไตน์เชื่อว่า ทรัมป์หวังจะผลักดันกระบวนการสันติภาพตะวันออกกลาง แต่ตระหนักดีว่าเป็นเรื่องการเมืองซับซ้อน ดังนั้นเขาคงจะไม่ดำเนินมาตรการใด ๆ อย่างลงลึกหรือจริงจังในเรื่องนี้มากนัก ผู้นำสหรัฐจะพบกับผู้นำอิสราเอลในวันนี้ ตามด้วยการพบกับผู้นำปาเลสไตน์ในวันพรุ่งนี้ หลังเพิ่งเสร็จสิ้นการเยือนซาอุดีอาระเบียและการประชุมสุดยอดโลกมุสลิม หลังจากนั้นจะไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขคริสต์จักรนิกายโรมันคาทอลิกที่สำนักวาติกัน พบปะสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม และร่วมประชุมสุดยอดกลุ่มชาติอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ (จี7) บนเกาะซิซิลีของอิตาลี.-สำนักข่าวไทย