นราธิวาส 3 ต.ค.-เข้าสู่วันที่ 6 เจ้าหน้าที่ยังคงปิดล้อมพื้นที่ป่า บริเวณบ้านฮูแตบือลอ ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ขณะกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงต่อสู้เพื่อเปิดทางหนี เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย
วันที่ 3 ตุลาคม 2564 เวลา 11.30 น. พันเอกเกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงความคืบหน้าเหตุเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่หลบหนีอยู่ในพื้นที่ป่า บริเวณ ม.6 บ้านฮูแตยือลอ ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดยเริ่มปฏิบัติการมาตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.2564 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่ ตามที่ประชาชนได้แจ้งเหตุ หลังเข้าพิสูจน์ทราบ เจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามเจรจาพร้อมดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชนจากเบาไปหาหนัก เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย
ประกอบกับพื้นที่เป็นป่ารกทึบ ทำให้ยากต่อการปฏิบัติ จึงได้ปิดล้อมพื้นที่ไว้ และใช้รถขุดตักขนาดใหญ่ เข้ามาถากถาง เพื่อให้เข้าไปถึงพื้นที่ได้ แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.2564) กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ติดอยู่ในวงล้อมเจ้าหน้าที่ และไม่มีทีท่าว่าจะยอมมอบตัว ได้พยายามกระจายตัวหลบหนีออกมา เจ้าหน้าที่จึงสกัดกั้น ทำให้เกิดการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ เป็นเหตุให้ ร.ท.กฤษณะ เพ็ชรจำรัส สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ถูกยิงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยจะจัดให้มีพิธีรดน้ำศพ และส่งศพในช่วงบ่ายวันนี้ ณ วัดบางนรา อ.เมือง จ.นราธิวาส
ทั้งนี้ พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ภายหลังทราบเหตุได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่ โดยได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลดังกล่าว นับเป็นการสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิด และน่าสลดใจที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ จะต้องสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข และประชาชนใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ด้วยความเสียสละและทุ่มเท พร้อมกันนี้แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำการปฏิบัติให้เจ้าหน้าที่มีความระมัดระวัง อดทนในการเข้าปฏิบัติต่อเป้าหมาย และเน้นการเจรจาเป็นหลัก โดยให้หน่วยที่เข้าปฏิบัติได้เชิญผู้นำศาสนาผู้นำท้องที่ เข้ามาช่วยเกลี้ยกล่อม ให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงหลบซ่อน ยอมออกมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม เพราะทุกคนคือคนไทย
อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าในห้วงเวลานี้ กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีความพยายามก่อเหตุ และปรับเปลี่ยนวิธีการ สร้างกลลวง เบี่ยงเบนความสนใจต่อเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา แต่เพื่อความมั่นคงปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชนเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะยังคงมุ่นมั่นในการรักษาความปลอดภัย คุมเข้มทุกพื้นที่ และบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงตามขั้นตอนปฏิบัติจากเบาไปหาหนัก อาศัยความร่วมมือจากผู้นำศาสนา ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และครอบครัว เกลี่ยกล่อมเจรจาให้ยอมมอบตัว เพราะไม่มีฝ่ายไหนต้องการให้เกิดการสูญเสีย และสิ่งสำคัญที่จะต้องทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน คือ การให้การสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นที่พักพิง แหล่งหลบซ่อนจัดหาเสบียง ให้กับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงนั้น ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอความร่วมมือให้ทุกคนช่วยกะนสอดส่องเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่รัฐหากพบเห็นสิ่งผิดปกติ หรือบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่เบอร์สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 โทร 061-1732999 และเบอร์สายด่วน 1341 หรือหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย