กทม. 29 ต.ค.-“เสี่ยโป้” และน้องชาย เข้าพบตำรวจ กลางดึก ลงบันทึกประจำวันแสดงความบริสุทธิ์ใจกรณีถูกสังคมกล่าวหาเป็นมือปืนยิงคู่กรณี ลั่นไม่ได้ยิง หนีตั้งแต่นัดแรก แต่ขณะกลับที่พัก ตำรวจได้นำหมายศาลเข้าควบคุมตัว “เสี่ยโป้” ไปสอบสวน
เมื่อเวลา 03.00 น. ที่ สน.ภาษีเจริญ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ พานายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือเสี่ยโป้ อายุ 28 ปี และนายเขมทัต ชัชอานนท์ หรือเสี่ยบุ๊ค อายุ 25 ปี น้องชาย เข้าพบตำรวจ สน.ภาษีเจริญ เพื่อลงบันทึกประจำวันแสดงความบริสุทธิ์ใจกรณีถูกสังคมกล่าวหาเป็นมือปืนยิงคู่กรณี จากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกัน เมื่อช่วงค่ำวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา
“เสี่ยโป้” กล่าวว่า วันเกิดเหตุใช้บริการเซาว์น่าในร้านดังกล่าวตามปกติ โดยอยู่กับพรรคพวกแค่ 3 คน ขณะที่นายเขมทัต น้องชาย ซึ่งมีเรื่องกับ นายตั้ง และนายตั๊ว อยู่แล้ว ได้นัดหมายไปเจรจากับคู่กรณีที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งริมถนนราชพฤกษ์ เลยจากร้านซาวน์น่าไปไม่กี่กิโลเมตร ต่อมานายเขมทัต ซึ่งเข้าใจว่าเจรจากับคู่กรณีตกลงกันไม่ได้ ก็พาเพื่อนๆ อีกราว 10 คน ล่าถอยมาหาตนเองที่ร้านเซาว์น่า จังหวะนั้นตนเองยืนอยู่ด้านบนร้าน ขณะที่กลุ่มคู่กรณียกพวกเข้ามาราวๆ 200 คน จนตนเองเห็นว่าคู่กรณีมีการชักอาวุธปืนเล็งมาที่ตนเอง จึงรีบหลบและมีเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่องกันกว่า 60 นัด ยืนยันว่าหลบและวิ่งหนีตายออกจากจุดที่ยืนอยู่ตั้งแต่นัดแรกแล้ว และไม่ได้มีอาวุธปืนติดตัวด้วยแต่อย่างใด โดยหลังเกิดเหตุตนเองกับน้องชายเป็นฝ่ายเดินทางมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนก่อนตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 22.30 น. ของวันที่ 27 ต.ค. ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ หลังแจ้งความทางตำรวจก็เดินทางไปเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดที่เก็บไปด้วย จึงอยากฝาก พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.ช่วยดูภาพจากกล้องให้ตนเองด้วยว่าพวกตนเองมีน้อยกว่า และกล่าวหาว่าตนเองยิงปืนเหตุการณ์แบบนั้นไปได้จริงหรือ เพราะช่วงนั้นเกิดการชุลมุนกัน ซึ่งคนที่ตนเองจำได้คือแอล โอรส, เอ็มโก๋ ตากสิน, ตั๊ว พรานนก และ ตั้ง พรานนก ซึ่งเป็นลูกสมุนของนายตั๊ว
ขณะที่ นายเขมทัต น้องชาย กล่าวว่า เหตุต้นเรื่องนั้นเกิดจากตนที่มีกรณีพิพาทกับกลุ่มของ นายตั๊ว พรานนก และนายตั้ง พรานนก โดยก่อนหน้านี้ตนเดินทางไปวัดศาลเจ้า ร่วมงานปลุกเสกวัตถุมงคลอาแป๊ะ โรงสี ปรากฏมีพรรคพวกของคู่กรณีเข้ามาเสนอขายพระให้ตน แต่ตนไม่สนใจ กระทั่งเขาคงมองว่าตนหยิ่ง พยายามทักเฟซบุ๊กมาหา โทรมาหา แต่ตนเองก็ไม่รับสาย เมื่อตัดสินใจติดต่อกลับไป ปรากฏว่า ฝ่ายคู่กรณีเปิดประเด็นทะเลาะวิวาทนัดหมายให้ตนเองไปเจอเพื่อเจรจาที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งนิมถนนราชพฤกษ์ แต่พอตนเดินทางไปถึงพบว่ามีชายฉกรรจ์ขับรถ มอเตอร์ไซต์จำนวน 4-5 คันมาวน เห็นท่าไม่ดีจึงพาเพื่อนๆ ล่าถอยกลับไปหาพี่ชายที่เซาว์น่า กระทั่งเกิดเหตุการณ์ขึ้นดังกล่าว
ด้านนายสันธนะ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่เด็กๆ ทั้ง 2 กลุ่มจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ตนเองได้พยายามประสานให้เคลียร์ปัญหาแบบลูกผู้ชาย เนื่องจากฝ่ายเสี่ยโป้กับน้องชายนั้น ตนเองก็รู้จักกับครอบครัวมานาน ส่วนฝ่ายบิดาของคู่กรณีนั้นก็เป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง โดยคนหนึ่งทำงานด้วยกันสมัยอยู่กองปราบปราม อีกคนทำงานด้วยกันสมัยอยู่ บช.น. ในเมื่อแจ้งให้บิดามารดาของเด็กๆ ทั้ง 2 กลุ่มทราบแล้ว ตนเองก็เสนอให้เรื่องมันจบแบบนักเลงด้วยการให้ 2 ฝ่ายมาชกกันแบบตัวต่อตัวไม่อยากให้ไปก่อเหตุเป็นภาระสังคมกับเป็นภาระของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ด้วยความใจร้อนของวัยรุ่นจึงทำให้เหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้ ซึ่งตนเองก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่าใครผิดใครถูก แต่หลังเกิดเหตุมีคนเจ็บขึ้นกลับได้ยินฝ่ายคู่กรณีพูดถึงเงินค่าทำขวัญสูงถึง 10 ล้าน ตนเองก็ไม่เข้าใจว่าจะเอาลูกหลานมาขายในเหตุทะเลาะวิวาทแบบนี้หรือ จึงตัดสินใจพาเสี่ยโป้กับน้องชาย เข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
ต่อมาเมื่อเวลา 04.30 น.ระหว่างที่ พ.ต.ท.สันธนะ กำลังจะพานายอภิรักษ์ และ นายเขมทัต กลับที่พักหลังลงบันทึกประจำวัน กำลัง พ.ต.ท.ศิริชาติ จันทร์พรมมา รอง ผกก.ป.สน.ภาษีเจริญ ได้นำหมายจับศาลอาญาธนบุรี ลงวันที่ 28 ต.ค.63 ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต,ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน มาแสดงให้เสี่ยโป้ดูทำให้ เสี่ยโป้ยอมให้ตำรวจควบคุมตัวขึ้นไปสอบสวนและให้กองพิสูจน์หลักฐานให้เดินทางมาเพื่อตรวจเขม่าดินปืนด้วย
และญาติๆ ของเสี่ยโป้ กำลังเตรียมหลักทรัพย์ไว้รอท่าจำนวน 1 ล้านบาท แต่ยังไม่มีท่าทีว่าทางพนักงานสอบสวนจะอนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวนหรือไม่ มีรายงานว่า มีเพื่อนสนิทของเสี่ยโป้ ชื่อ “เสี่ยเคน” น่าจะถูกออกหมายจับด้วยในข้อหาเดียวกัน แต่ขณะนี้เสี่ยเคน ก็ยังไม่ได้เดินทางมาที่ สน.ภาษีเจริญแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย