“พุทธิพงษ์” เล็งฟันเฟซบุ๊ก ถ้าไม่ปิดกั้นเว็บผิดกฎหมาย

กรุงเทพฯ 10 ส.ค.-“พุทธิพงษ์” รมว.ดีอีเอส จี้เฟซบุ๊ก หากไม่ปิดกั้นเว็บผิดกฎหมายภายใน 15 วัน เล็งเอาผิดทั้งกฎหมายแพ่งและอาญา

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า กระทรวงฯได้ดำเนินการส่งหนังสือแจ้งไปยังเฟซบุ๊กทั้งในประเทศไทย และ ประเทศสิงคโปร์ ให้ดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ผิดกฎหมายที่มีคำสั่งศาลแล้ว 1,129 ยูอาร์แอล ซึ่งเป็นยูอาร์แอลที่ผิดกฎหมายตั้งแต่เดือน เม.ย.-มิ.ย. 2563 แต่เฟซบุ๊กเพิกเฉย อ้างว่าไม่ได้รับหนังสือจากกระทรวงฯ ดังนั้นนับจากวันนี้ไปอีก 15 วัน หากเฟซบุ๊กยังเพิกเฉยอยู่ กระทรวงจะดำเนินการทางกฎหมาย เนื่องจากกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 27 ซึ่งระบุไว้ว่า ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา 18 หรือมาตรา 20 หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลตามมาตรา 21 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทและปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง” ซึ่งหมายความว่าแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์รายใด ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้ลบหรือปิดเนื้อหาผิดกฎหมาย จะมีทั้งโทษปรับและปรับรายวันอีก จนกว่าจะยอมแก้ไข


สำหรับการดำเนินคดีนั้น กระทรวงฯอาจจะดำเนินคดีทั้งคดีทางอาญา และ แพ่ง ตามสมควรที่จะดำเนินการได้ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงฯได้ตั้งคณะกรรมการเปรียบเทียบค่าปรับเพื่อมาประเมินค่าปรับในเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยมีคณะกรรมการประกอบด้วย ตัวแทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด,ตัวแทนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และ ตัวแทนจากกระทรวงดีอีเอส เป็นต้น

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงฯไม่สนใจว่า สำนักงานเฟซบุ๊กในไทย มีหน้าที่แค่ทำการตลาด หรือ เฟซบุ๊กในประเทศสิงคโปร์ เป็นผู้รับผิดชอบ เพราะทั้ง 2 บริษัท คือ เฟซบุ๊ก เขาคือ บริษัทเดียวกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของเขาที่ต้องประสานงานและรับผิดชอบร่วมกัน กระทรวงยืนยันว่าได้ส่งหนังสือไปทั้ง 2 แห่ง และเฟซบุ๊ก ต้องปฎิบัติตามกฏหมายของประเทศไทย ทุกยูอาร์แอลที่กระทรวงฯส่งไปนั้นมีคำสั่งศาลทั้งสิ้นว่าผิดกฎหมาย


สำหรับความคืบหน้าในการ เปิดตัว “เพจอาสาจับตาออนไลน์” เพื่อเป็นช่องทางสร้างความมีส่วนร่วมของประชาชนในการแจ้งเบาะแส พบว่า ในช่วง 1 สัปดาห์แรกของการเปิดตัว มีผู้ส่งข้อมูลแจ้งเบาะแสสื่อสังคมออนไลน์ หรือ เว็บผิดกฎหมายเข้ามาแล้ว จำนวน 1,050 ยูอาร์แอล  โดยจากการตรวจสอบพบว่าเป็นการแจ้งเรื่องเดียวกัน จำนวน  559  ยูอาร์แอล ซึ่งหลังผ่านกระบวนการตรวจสอบ รวบรวมหลักฐาน ได้ดำเนินการยื่นศาลขอปิดกั้น จำนวน 181 ยูอาร์แอลและศาลมีคำสั่งแล้วทั้ง  7 ยูอาร์แอล

ขณะที่ มีเรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 174 ยูอาร์แอล แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.หลอกลวง ถูกฉ้อโกง จำนวน 35 ยูอาร์แอล ซึ่งได้ให้คำปรึกษาประชาชนในการแจ้งความแล้ว 2.พนันออนไลน์ จำนวน 25 ยูอาร์แอล โดยได้ประสานให้ตำรวจพิจารณาดำเนินการ 3. ข่าวปลอม จำนวน 1 ยูอาร์แอล ได้ประสานศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมตรวจสอบแล้ว  และ 4.อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อกฎหมาย จำนวน 101 ยูอาร์แอล

ปัจจุบันกระทรวงดิจิทัลฯ ได้เร่งรัดระบบรับเรื่องร้องเรียนสื่อออนไลน์ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น กระบวนการรวบรวมและตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ต้องเสร็จสิ้นภายใน 48 ชั่วโมง  แล้วส่งให้ศาลอนุมัติคำสั่ง เพื่อทางตำรวจกอง บก.ปอท. และตำรวจที่เกี่ยวข้องไปตามจับผู้กระทำผิดได้โดยเร็ว ตลอดจนส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปิดเว็บหรือลบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม โดยที่ผ่านมาเฉพาะครึ่งปีแรกของปี 2563 รับแจ้ง 8,715 เว็บ ส่งศาลเพื่อออกคำสั่งไปแล้วทั้งสิ้น 7,164 เว็บ


“ผมเชื่อเสมอว่าประชาชนเป็นหูเป็นตาที่ดีที่สุด เมื่อพบสื่อสังคมออนไลน์หรือเว็บผิดกฎหมาย แจ้งได้ทุกเรื่องที่เพจ “อาสาจับตา ออนไลน์” ทาง inbox m.me/DESMonitor  จะมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องและตรวจสอบตลอด 24 ชั่วโมง พิจารณาข้อมูลร้องเรียนตามข้อกฎหมายและตอบกลับโดยเร็ว” นายพุทธิพงษ์ กล่าว-สำนักข่าวไทย.

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รับชันสูตรศพ “ผกก.โจ้” ยาก เหตุศพไม่อยู่สภาพเดิม

ผู้ช่วย ผบ.ตร. รับชันสูตรศพ ผกก.โจ้ ยาก เพราะศพไม่อยู่ในสภาพเดิม ยันดูวงจรปิดไม่พบพิรุธ ยังยิ้มแย้มทักทายผู้ต้องขัง ยกมือไหว้ผู้คุม แต่พบเลือดหยดข้างศพ และแขนซ้ายมีรอยกัดของสัตว์ขนาดเล็ก

โผล่อีก 2 ราย! เหยื่อสาวแบงก์แอบถอนเงินลูกค้า

กรณีสาวแบงก์ แอบถอนเงินลูกค้า 8 ล้านบาท สารภาพเอาไปซื้อบ้าน-รถ และส่งลูกเรียนต่างประเทศ ล่าสุด เหยื่อโผล่แจ้งความเพิ่มอีก 2 ราย วงเงิน 2 ล้าน ยอดรวมเสียหายถึง 10 ล้านบาท

ผบ.ทบ. สั่งระดมทหารช่วยเหตุเพลิงไหม้ รพ.รามาธิบดี

ผบ.ทบ. สั่งระดมทหาร พร้อมกำลังพลจิตอาสากองทัพบก เข้าช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และอพยพผู้ป่วย จากเหตุเพลิงไหม้ รพ.รามาธิบดี

ข่าวแนะนำ

ซ่อมรถบัสทิพย์

บุกจับ 7 จนท.กองกีฬาฯ จัดจ้างซ่อมรถบัสทิพย์เสียหาย 2.7 ล้าน

ป.ป.ช. สนธิกำลังปฏิบัติการร่วม ปปท. และ ป.ป.ป. จับกุม 7 เจ้าหน้าที่สังกัดสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จัดจ้างซ่อมรถบัสทิพย์ เสียหายกว่า 2.8 ล้านบาท

สว.ยื่นเอาผิดทวี

“105 สว.” ​ยื่นเอาผิด “ทวี-อธิบดีดีเอสไอ” กลั่นแกล้งฮั้ว สว.

“105 สว.” ลงชื่อ​ยื่น​ป.ป.ช. เอาผิด​ม. 157 “ทวี” – “อธิบดีดีเอสไอ” กลั่นแกล้งเรื่องฮั้วสว. แขวะความยุติธรรมในประเทศไม่เกิด มีแต่ระส่ำเพราะผู้นำจิตวิญญาณคุมฝ่ายการเมือง​ได้ เปรียบ​ อ.ดีเอสไอ เป็นแมว ที่มีคนเลี้ยงคอยกระตุกคอให้จับหนู แต่สุดท้ายอาจต้องตาย เพราะไปจับปลาแต่ว่ายน้ำไม่เป็น​

ประกันสังคมซื้อตึก

“อนุทิน” สั่งปลัด มท. เร่งถก คกก.สอบนัดแรกปมประกันสังคม

“อนุทิน” สั่ง “ปลัด มท.” เร่งเรียกประชุม คกก.สอบ “สำนักงานประกันสังคม-ปลัดแรงงาน“ นัดแรก กำชับทำให้เต็มที่ไม่ต้องกลัวธง-อิทธิพล เชื่อ “อรรษิษฐ์” ทำอะไรเร็ว

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศร้อน-ฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนและฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพจากสภาพอากาศร้อน และระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กทม.-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง 30%