“หนุ่ม กรรชัย” งดเคลียร์ “ฟิล์ม” ย้ำดำเนินคดีถึงที่สุด

14 พ.ย.- “หนุ่ม กรรชัย” ประกาศตัดสัมพันธ์ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ย้ำดำเนินคดีถึงที่สุด งดเคลียร์ ซัดเป็นคนไร้ศักดิ์ศรี ชี้เรื่องนี้ไม่ต้องเตือน ให้ย้อนไปดูที่บ้านได้สั่งสอนหรือไม่


เมื่อเวลา 19.20 น. วันที่ 14 พ.ย.67 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายภูดิท กำเนิดพลอย หรือ “หนุ่ม กรรชัย” เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมต่อ พงส.กก.1 บก.ป. กรณีที่มีคลิปเสียง น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ และนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ มีการแอบอ้างชื่อ “หนุ่ม กรรชัย” และรายการโหนกระแส เรียกรับเงินจาก บอสปัน จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อแลกกับการให้นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ได้ไปออกรายการ

“หนุ่ม กรรชัย” เปิดเผยว่า ตนมาให้ปากคำในกรณีที่มีคลิปเสียงของ ฟิล์ม รัฐภูมิ และ น.ส.กฤษอนงค์ ที่มีการพูดคุยกันกับบอสปัน โดยมีการกล่าวอ้างพาดพิงชื่อตนในการเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท เพื่อที่จะไปออกรายการโหนกระแส โดยใช้ถ้อยคำประมาณว่าสามารถที่จะเขียนบทหรือเขียนสคริปต์รายการให้ทางบอสพอลได้ หากบอสพอลมาออกรายการ และยังมีการกล่าวอ้างอีกว่า ตนเปิดทางให้แล้ว และตนเองก็สามารถชี้ผิดให้เป็นถูกได้ ซึ่งทุกสิ่งที่ได้มีการพูดออกไปในคลิปเสียงนั้น เป็นการหมิ่นประมาทตน และโกหกหลอกลวงคนอื่นเพื่อกรรโชกทรัพย์ เบื้องต้นตนจะแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทก่อน แต่หากกฎหมายจะสามารถเอาผิดในเรื่องใดได้บ้าง ตนจะดำเนินการในทุกเรื่อง และจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่มีการยอมความ ไกล่เกลี่ยหรือเจรจา เพราะตนไม่ใช่นักเคลียร์ ไม่ต้องมาเคลียร์กับตน


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากคลิปเสียงที่เรียกรับเงินกับบอสปันแล้ว ยังมีคลิปเสียงที่มีการกล่าวอ้างถึงรัฐมนตรีท่านหนึ่งด้วย ในวันนี้ได้มีการนำมามอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ “หนุ่ม กรรชัย” กล่าวว่า ในส่วนนี้ ต้องให้ทางรัฐมนตรีคนดังกล่าวเป็นคนดำเนินการเอง ส่วนตัวได้มีการส่งคลิปให้กับท่านรัฐมนตรีแล้ว ยืนยันว่าภายหลังจากที่มีการดำเนินการเข้าแจ้งความแล้วตนไม่ได้ติดต่อกับทางตัวฟิล์ม รัฐภูมิ แต่อย่างใด แต่ก่อนแจ้งความ 1 วัน ตนได้โทรศัพท์หาฟิล์มไปแล้วถึง 3 ครั้ง เพื่อถามข้อเท็จจริง แต่ทางด้านฟิล์มยืนยันว่าไม่ได้กระทำ และเป็นคลิปตัดต่อ ซึ่งขณะที่โทรหาฟิล์มยังหวังให้ตัวฟิล์มพูดความจริง และหากเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นผู้กระทำจริง ตนจะไม่มีการเผยแพร่คลิปที่มีความยาวถึง 29 นาทีที่มีอยู่ในมือ และจะให้โอกาสเจ้าตัวได้ออกมาชี้แจงกับสังคม แต่เมื่อเจ้าตัวไม่ยอมรับ ตนจึงตัดสินใจวางสายและตัดขาดความสัมพันธ์พี่น้องในทันที และโทรหาทนายความส่วนตัวเพื่อดำเนินการเข้าแจ้งความเอาผิด ทั้งนี้ตนยังฝากข้อความสุดท้ายกับฟิล์มไว้ว่า “หากมีอะไรเกิดขึ้นต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด”

แต่หลังจากที่พูดคุยจบแล้ว ทางฝั่งของฟิล์มก็มีการโทรกลับมาหาตนอีกหลายครั้ง แต่ตนเลือกที่จะไม่รับสายอีกต่อไป และหลังจากนั้นทางฝั่งตัวฟิล์มจะออกมาพูดอะไรก็เป็นส่วนของตัวเขา

“อยากจะพูดอะไรก็เชิญ แต่ตนคิดว่าประชาชนรวมถึงตนเองไม่ได้กินหญ้า ทุกคนกินข้าว ไม่ใช่ควาย เรามีสมอง มีสามัญสำนึกและมีวุฒิภาวะ ที่จะรู้ได้ว่าอะไรคืออะไร สิ่งที่คุณออกมาพูด คุณจะกลายเป็นตัวตลกด้วยซ้ำ” หนุ่ม กรรชัย กล่าว


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสิ่งที่ น.ส.กฤษอนงค์ กล่าวอ้างว่า ไม่ใช่การกรรโชกทรัพย์แต่เป็นการเสนอแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อการแก้ภาพรวมทั้งหมดของธุรกิจนั้น ฟังขึ้นหรือไม่ “หนุ่ม กรรชัย” ระบุว่า ต้องถามว่าทาง น.ส.กฤษอนงค์ ตีความคำว่ากรรโชกทรัพย์ว่าอย่างไร เพราะจากที่ตนฟัง การที่ไปบอกว่าหากไม่ทำแบบนี้ ตนจะชี้ผิดชี้ถูก ซวยเลยนะ คนที่กลัวอยู่ก็ต้องตกใจและยอมจ่าย รวมถึงเจ้าตัวก็มีทนายในมือ ก็ให้ไปถอดคลิปเสียงทีละคำดูว่าเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์หรือไม่ ซึ่งตนไม่ชอบคนที่อาศัยจุดอ่อนของคนอื่นเพื่อหาผลประโยชน์ ตนรู้สึกว่าวิธีการดังกล่าวไม่แฟร์และไม่ถูกต้อง

ทั้งนี้ตนอยากให้ทุกคนที่ถูกบุคคลเหล่านี้กระทำดังกล่าว ให้ออกมาร้องทุกข์เพิ่มได้เลยไม่ต้องอาย อย่าปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในสังคม

สำหรับเรื่องเรียกค่าเสียหายนั้น ตนเชื่อว่าชื่อเสียงของตนที่เสียไป ไม่ใช่แค่ตัวเลข 20 ล้านบาท เพราะตนทำงานมานาน และตนมีมูลค่ามากกว่านั้น หากจะเรียกก็จะเรียกมากกว่า 20 ล้านบาท ที่ผ่านมาตนและทีมงานรายการโหนกระแสถูกนำชื่อไปอ้างและหลอกลวงประชาชนมาเยอะ แต่ไม่คิดว่าจะถูกนำไปหลอกเอาเงินมูลค่าขนาดนี้

เมื่อถามว่าจะใช้คำว่า มันจบแล้วครับน้องได้หรือไม่ หนุ่ม กรรชัยถามกลับว่า “เขาเป็นน้องตนตอนไหน ตนไม่มีน้องแบบนี้ และไม่ได้สนิทอะไร แค่ทำงานร่วมกัน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ตนถือว่าเกินไป เพราะเป็นจำนวนเงินที่เยอะ และเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม ลำบากยากแค้นถึงขั้นต้องทำขนาดนี้เลยหรือ ไม่มีศักดิ์ศรีเลยหรือ และสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ไร้ศักดิ์ศรี”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีอะไรจะฝากเตือนยบุคคลเหล่านี้หรือไม่ “เตือนแล้วฟังหรือไม่ ไม่เตือนดีกว่า เพราะผิดชอบชั่วดีเป็นสิ่งที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์จะสอนตั้งแต่เด็กๆ สิ่งที่คุณเป็นอยู่วันนี้ ก็ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่เด็กๆ ว่า ที่บ้านคุณสอนหรือไม่ ว่า เป็นคนดีอย่างไรไม่ต้องให้คนอื่นมาสอน” หนุ่ม กรรชัย กล่าว .414.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย