fbpx

นายกฯ ยันไม่ให้ทุจริตเชิงนโยบายเด็ดขาด

สำนักงานป.ป.ช. 9 ธ.ค.-นายกฯ ประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล หลายจุดอ่อนส่งผลเสียต่อประเทศทุกด้าน ลั่นไม่ยอมให้เป็นมรดกบาปถึงลูกหลาน ยันไม่ให้เกิดทุจริตเชิงนโยบายเด็ดขาด


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกรทะรวงกลาโหม เป็นประธานการประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต ในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ที่สำนักงาน ป.ป.ช. จ.นนทบุรี โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติกำหนดให้วันที่ 9 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล เพื่อให้ประชาคมโลกตระหนักถึงภัยร้ายแรงจากการทุจริต และเพื่อร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ในการรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชันอย่างจริงจัง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ให้ความสำคัญกับการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบตลอดมา รัฐบาลร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้งกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)  สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ภาคประชาสังคมและภาคีเครือข่าย จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากลขึ้น เพื่อร่วมกันแสดงจุดยืนพร้อม ๆ กับคนไทยทุกภาคส่วน ที่จะ “ไม่ทำ ไม่ทน และไม่เพิกเฉย” ต่อการทุจริตอีกต่อไป ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในวันนี้ แต่จะต้องอยู่ในจิตใต้สำนึกของคนไทย ทุกคน ในทุกๆ วัน


“ทุกคนทราบดีว่าปัญหาคอร์รัปชันส่งผลเสียหายต่อประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ หรือ TI (ที-ไอ) สะท้อนว่าปัญหาการทุจริตที่เป็นจุดอ่อนของประเทศไทยที่สำคัญ คือ ปัญหาการซื้อขายตำแหน่ง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การเรียกรับสินบน การใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน การไม่สามารถแยกแยะผลประโยชน์ส่วนรวมกับประโยชน์ส่วนตน และความไม่โปร่งใสในการใช้งบประมาณ การทุจริตจึงเป็นภัยต่อชาติบ้านเมือง ทั้งในการบริหารจัดการภาครัฐ การพัฒนาเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน และการพัฒนาประเทศ ที่สำคัญคือการทำลายภาพลักษณ์ ทำลายความเชื่อมมั่นในสายตาประชาชนชาวไทยและชาวโลก ซึ่งเราต้องไม่ยอมให้การทุจริตเป็นมรดกบาป ตกทอดสู่รุ่นลูก รุ่นหลานอีกต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญและผลักดันให้การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ สร้างกลไกการแก้ปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้บรรจุแนวทางการแก้ไขปัญหาการทุจริตไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ ลงไปถึงการจัดทำแผนระดับรอง เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างจริงจัง ส่วนที่เห็นเป็นรูปธรรมเป็นภาพรวมของประเทศแล้ว เช่น 1. พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชน 2. นโยบาย National e-Payment เป็นต้น ที่ช่วยขจัดโอกาสการทุจริต หักหัวคิว เรียกรับสินบน เพิ่มความโปร่งใสในการกระบวนการทำงานของภาครัฐ เพื่อให้ติดตามตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

“ช่วงวิกฤติโควิดและวิกฤติพลังงานที่ผ่านมา ปัญหาคู่ขนาน คือปัญหาเศรษฐกิจ รัฐบาลได้ผลักดันโครงการช่วยเหลือต่าง ๆ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและโครงการคนละครึ่ง โดยนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาใช้ ช่วยให้ทุกขั้นตอนมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และนานาชาติให้การยอมรับถึงความสำเร็จนี้ รัฐบาลได้เพิ่มช่องการรับเรื่องราวร้องเรียน และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเฝ้าระวัง แจ้งเบาะแส ตรวจสอบการทุจริตในทุกระดับด้วย ซึ่งผมให้ความสำคัญที่สุดคือการติดตามนำผู้กระทำความผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม รับโทษตามกฎหมาย โดยไม่มีข้อยกเว้นว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือผู้มีอิทธิพลในสังคม ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วขึ้น เพราะความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความไม่ยุติธรรม” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะไม่ลดละ เพื่อขจัดการทุจริตให้หมดสิ้นไป โดยพร้อมจะทำงานกับทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด เปิดกว้างรับฟัง เสริมสร้างความเข้มแข็ง และคงความเป็นอิสระของหน่วยงานตรวจสอบ เพื่อให้โครงการพัฒนาประเทศ การค้า การลงทุน การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในสังคมสามารถดำเนินไปได้อย่างเต็มศักยภาพ ไม่ยอมให้พลังความดี ความถูกต้อง พ่ายแพ้ต่อ อำนาจฝ่ายต่ำ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทุจริตจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าทุกคนมีจิตใจคุณธรรม ไม่เห็นประโยชน์จากการทุจริต ที่สำคัญเมื่อเป็นใหญ่เป็นโต ต้องมีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ตามวัยวุฒิ คุณวุฒิที่เติบโต ถ้าประชาชน สังคมช่วยกันเฝ้าระวัง ช่วยกันแจ้งร้องทุกข์กล่าวโทษ สิ่งเหล่านี้จะหายไป สิ่งที่จะทำให้ได้ผลสำเร็จ100% อยู่ที่ใจ การดำเนินการไม่สามารถแก้ไขได้โดยลำพัง ถ้าทุกคนไม่ร่วมใจกัน ทำให้วันนี้ต้องมาประกาศเจตนารมณ์ร่วมกัน เพื่อให้ดีขึ้นอย่างเร็วที่สุด เพราะเป็นปัญหาที่บ่อนทำลายการเจริญเติบโตของประเทศ ขอให้ช่วยกันทำให้สังคมเป็นระบบสีขาว ปลอดจากการทุจริต เพื่อความเจริญเติบโตของบ้านเมือง มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนตลอดไป

“ผมไม่ต้องการทุจริตอะไรทั้งสิ้น ผมถูกสอนมาว่าไม่ให้ทุจริต ไม่งั้นจะเอาหน้าไปเสนอให้คนมองไม่ได้ วันนี้ดีใจที่ได้พบกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ขอให้ช่วยกันทำ และในฐานะที่รับผิดชอบนโยบาย ขอยืนยันไม่ให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบายโดยเด็ดขาด แต่ถ้ามีอะไรบกพร่องก็ต้องถูกลงโทษ และลงโทษด้วยความเป็นธรรม ไม่มีอะไรสำเร็จได้ ถ้าไม่ร่วมมือร่วมใจกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำกล่าวประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการคอรัปชัน “ขอนำพี่น้องชาวไทยทุกท่านทั่วประเทศร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากลพร้อมกัน ข้าพเจ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอประกาศเจตนารมณ์ว่า จะประพฤติปฏิบัติตน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่กระทำการทุจริต จะยึดมั่นในความยุติธรรม ยึดถือประโยชน์ส่วนรวม มากกว่าประโยชน์ส่วนตน จักปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยจิตอาสา พร้อมทำความดี ด้วยหัวใจ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเปิดงาน นายกรัฐมนตรีกล่าวกับสื่อมวลชนว่า วันนี้เป็นงาน ป.ป.ช. อย่าเอาเรื่องอื่นมาปน พร้อมชื่นชมว่าสถานที่ดี คนก็ดี เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. จึงกล่าวขอบคุณ และก่อนเดินทางกลับนายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า ขอให้เชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี ขอบคุณ และขอให้ทุกคนช่วยกัน.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบภัย

“นายกฯ แพทองธาร” ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบอุทกภัย หวัง ศปช.รับมือ-ช่วยเหลือรวดเร็วทันท่วงที รวมถึงการเยียวยาหลังจากนี้

ฟื้นฟูชายแดนแม่สาย-เร่งกู้ตลาดสายลมจอย

เจ้าหน้าที่เร่งฟื้นฟูชุมชนชายแดนแม่สายที่ถูกน้ำท่วมและจมโคลนมานาน 10 วัน รวมทั้งเร่งกู้ตลาดสายลมจอยแหล่งจำหน่ายสินค้าชายแดนที่เสียหายอย่างหนัก

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553