ทำเนียบรัฐบาล 6 ธ.ค.-นายกฯ เผยกลางเดือน ธ.ค. เคาะของขวัญปีใหม่ประชาชน ย้ำทุกโครงการต้องไม่เป็นภาระการเงินการคลังในอนาคต ระบุถ้ามีเงินจะให้เท่าไหร่ก็ได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการพิจารณาของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนว่า กำลังทยอยพิจารณาเพราะยังมีเวลา หลายอย่างเป็นมาตรการที่เป็นของหน่วยงาน ซึ่งต้องพิจารณาให้รอบคอบ และพยายามจะทำให้ดีที่สุด ไม่ใช่ทำเพื่อการเมือง แต่เป็นสิ่งที่เราทำมาทุกปีอยู่แล้ว อะไรที่ทำได้เราก็ทำ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตด้วย ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด
สำหรับแพ็กเกจช้อปดีมีคืน และเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น่าจะพิจารณาเรื่องนี้หลังเดินทางกลับมาจากการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-สหภาพยุโรป ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 15 ธันวาคมนี้ ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม และขณะนี้รอหน่วยงานอื่นที่ยังอยู่ในขั้นตอนทางกฎหมายด้วย รวมถึงการเตรียมงบประมาณ ซึ่งจะพิจารณาตัดสินใจกันอีกครั้ง
“การพิจารณาโครงการต่าง ๆ ต้องดูงบประมาณที่เรามีอยู่เพียงพอหรือไม่ อันไหนทำได้หรือทำไม่ได้ อันไหนที่ทำแล้วจะเป็นปัญหาต่อไปในวันข้างหน้า ก็ต้องดูให้ดี ถ้าเรามองการเมืองอย่างเดียว แน่นอนทุกคนต้องการมากที่สุด ดีที่สุดใช่หรือไม่ แต่เราในฐานะที่เป็นนายกฯ ก็ต้องตรวจสอบคัดกรองให้ดี การใช้จ่ายงบประมาณแต่ละโครงการมันใช้มากน้อยเพียงใด ซึ่งก็อยากทำให้ประชาชน แต่เราก็ไม่อยากสร้างภาระทางการเงินการคลังในวันข้างหน้าด้วย ขอให้ระมัดระวัง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องไปดูว่า ทำได้จริงหรือไม่ หลายเรื่องเปิดเผยมาโดยตลอด แต่ไม่ง่ายนักที่จะทำ ซึ่งรัฐบาลได้วางโครงสร้างต่าง ๆ เพื่อไม่ให้มีปัญหาในอนาคต และการขึ้นค่าแรงต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ 3 ฝ่าย ต้องดูว่านักลงทุนและผู้ประกอบการจะรับไหวหรือไม่ และปัจจุบันสำหรับแรงงานที่มีฝืมือได้รับค่าแรงสูงมากกว่า 600 บาทแล้ว และพัฒนาฝีมือแรงงานให้ได้ค่าแรงตามขีดความสามารถ และตอบสนองกับแรงงานยุคใหม่ ให้สามารถทำงานกับเครื่องจักรและเกี่ยวข้องกับกิจการที่มีรายได้สูง
ส่วนนโยบายนักศึกษาจบปริญญาตรี รายได้ 25,000 บาทต่อเดือน มีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ย้อนถามกลับว่า เอาเงินมาจากไหน ถ้ามีเงินก็โอเค ให้เท่าไหร่ก็ได้ ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนพัฒนาทุกอย่าง เพื่อเพิ่มจีดีพีให้กับประเทศ และรัฐมีค่าใช้จ่ายในการดูแลกลุ่มเบาะบาง กลุ่มคนพิการ ซึ่งมากพอสมควรแล้ว.-สำนักข่าวไทย