ประจวบคีรีขันธ์ 8 เม.ย.-นศ.สาวร้องสื่อ ถูกโจ๋วัย 16 ลูกชายนักธุรกิจใหญ่หลอกไปข่มขืน ผ่านไปนานเกือบเดือนคดีไม่คืบ แถมยังถูกโทรศัพท์ลึกลับข่มขู่ให้ถอนแจ้งความแลกกับเงินค่าเสียหาย 3 หมื่น แต่เจ้าทุกข์ไม่ยอม ล่าสุดยังถูกข่มขู่ซ้ำอีกว่าจะแจ้งความกลับข้อหาพรากผู้เยาว์ จนต้องพายายย้ายบ้านหนี เกรงไม่ปลอดภัย เพราะคู่กรณีอ้างมีญาติเป็นตำรวจหลายนาย
วันนี้(8 เม.ย.) นายธีรศักดิ์ ฑีฆายุวัฒนา กำนันตำบลนาหูกวาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยนางกัญญาภัค อินทร์จันทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ได้พานางสมร(ขอสงวนนามสกุล) อายุ 67 ปี ราษฎร ต.เขาล้าน อ.ทับสะแก และ น.ส.ดาว(นามสมมติ) อายุ 21 ปี หลานสาว เป็นนักศึกษา ชั้น ปวส.2 วิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวกรณีถูกนายเอ(นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ลูกชายเจ้าของธุรกิจค้ามะพร้าวรายใหญ่ใน ต.เขาล้าน อ.ทับสะแก ข่มขืนที่บริเวณป่าละเหมาะใกล้เหมืองร้าง หมู่ 1 ต.นาหูกวาง เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา
จากนั้นได้เข้าแจ้งความกับร้อยเวร สภ.ทับสะแก และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตัวไปให้แพทย์ รพ.ทับสะแก ทำการตรวจร่างกาย ผลตรวจยืนยันว่ามีร่องรอยถูกข่มขืนกระทำชำเรา พบเชื้ออสุจิในช่องคลอด และมีร่องรอยการทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ ต้องนอนพักรักษาตัว 7 วัน แต่ขณะนี้คดียังไม่คืบหน้า และยังถูกข่มขู่คุกคามทางโทรศัพท์เพื่อให้ถอนแจ้งความ
น.ส.ดาว เล่าว่า ขณะนี้ตนอาศัยอยู่กับยายเพียง 2 คน ส่วนบิดาเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.ค่ายพระมงกุฎเกล้า ต.ห้วยทราย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ แต่เสียชีวิตตั้งแต่ตนอายุ 3 ขวบ ส่วนมารดาไปมีครอบครัวใหม่ ในวันเกิดเหตุได้พบกับนายเอ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านละแวกเดียวกันและมีภรรยากำลังตั้งครรภ์ โดยตนได้เล่าให้นายเอฟังว่า ตนค้างค่างวดรถจักรยานยนต์กับไฟแนนซ์ ไม่มีเงินสดไปชำระ นายเอจึงออกอุบายให้ยืมแหวนทองคำไปจำนำ แต่อ้างว่าแหวนวงดังกล่าวฝากไว้กับเพื่อน จึงให้ตนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของนายเอไปหาเพื่อน
ผู้เสียหายเล่าต่อว่า จากนั้นนายเอได้พาตนไปข่มขืน แต่ตนขัดขืน จึงถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ แล้วถูกคนร้ายลงมือข่มขืน พร้อมชิงโทรศัพท์มือถือกับเงินสด 400 บาท แล้วผลักตนตกสระน้ำก่อนขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ตนจึงเดินมาขอความช่วยเหลือจากคนงานชาวพม่านำเสื้อมาให้สวมใส่ และพาเข้าแจ้งความที่ สภ.ทับสะแก แต่ที่ผ่านมาคดีไม่คืบหน้า คนร้ายยังไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหา ตนจึงเข้าร้องเรียนกับผู้ใหญ่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ ขณะเดียวกันพ่อแม่ของนายเอได้โทรศัพท์เสนอให้เงิน 30,000 บาท เพื่อขอให้ถอนแจ้งความ แต่ตนยืนยันว่าไม่ถอนอย่างเด็ดขาด และขณะนี้มีโทรศัพท์ลึกลับข่มขู่ว่า มีญาติเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายสามารถช่วยเหลือเรื่องคดีให้นายเอได้ ตนเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงต้องพายายหลบหนีไปอาศัยอยู่กับผู้ใหญ่บ้าน
น.ส.ดาว กล่าวอีกว่า ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้โทรศัพท์มาขอให้ถอนแจ้งความหลายครั้ง โดยแจ้งว่าไม่เช่นนั้นจะถูกแจ้งความกลับในข้อหาพรากผู้เยาว์ เนื่องจากนายเอมีอายุน้อยกว่า ซึ่งตนได้บันทึกเสียงไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำมาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว นอกจากนั้นพี่สาวต่างมารดาได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้ถอนแจ้งความ อ้างว่าครอบครัวจะได้รับความเดือดร้อน ซึ่งตนทราบว่าเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมามีการโอนเงินเข้าบัญชีพี่สาว 80,000 บาท โดยไม่บอกที่มาของเงินจำนวนดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย