กรุงเทพฯ 14 เม.ย. – ธ.ก.ส.เปิดวอร์รูมติดตามการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย พบภาคอีสานคนลงทะเบียนมากสุด เตรียมหารือคลังหลังพบว่ามีพระภิกษุสงฆ์ยื่นลงทะเบียน พร้อมผ่อนเงื่อนไขผู้สูงอายุถือบัตรประชาชนตลอดชีพรุ่นเก่า
วันนี้ (4 เม.ย.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดห้องวอร์รูมติดตามการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยตามโครงการสวัสดิการแห่งรัฐรอบ 2 แบบเรียลไทม์ เพื่อดูความหนาแน่นของผู้มาลงทะเบียนผ่านกล้องวงจรปิด หรือ CCTV จำนวน 1,275 สาขาของธนาคาร ส่วนพื้นที่ในองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) 3,000 แห่ง ที่ ธ.ก.ส.ได้ประสานพื้นที่ตั้งจุดรับลงทะเบียนจะใช้วีดิโอคอลผ่าน Applicatio Line เพื่อติดตามการลงทะเบียนอย่างใกล้ชิด หากพื้นที่ไหนมีผู้มาลงทะเบียนจำนวนมากจนแออัดก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปบริหารจัดการอำนวยความสะดวกประชาชน
ทั้งนี้ ล่าสุดตั้งแต่วันที่ 3-4 เมษายน มีผู้มาลงทะเบียนแล้ว 239,363 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่มีผู้มาลงทะเบียนมากที่สุด ซึ่งเป็นจังหวัดร้อยเอ็ดมีผู้ลงทะเบียน 11,025 ราย รองลงมา สกลนคร 8,252 ราย อันดับที่ 3 อุดรธานี 7,957 ราย อันดับ 4 มหาสารคาม 7,430 ราย และอันดับ 5 ขอนแก่น 6,728 ราย
นายวิชัย พฤกษ์วัฒนาชัย ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า หลังเปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบ 2 พบว่า มีผู้มาลงทะเบียนที่เป็นนักบวช เช่น พระภิกษุสงฆ์ และอุบาสิกา รวมถึงผู้สูงอายุที่มีบัตรประชาชนตลอดชีพ เป็นบัตรรุ่นเก่าไม่ใช่สมาร์ทการ์ด ดังนั้น ธ.ก.ส.เตรียมหารือกระทรวงการคลังว่าจะสามารถให้กลุ่มนักบวชสามารถลงทะเบียนได้หรือไม่ และการปรับวิธีให้ใช้บัตรประชาชนตลอดชีพของผู้สูงอายุเป็นวิธีการเขียนบันทึกข้อมูลได้หรือไม่
สำหรัยยอดการลงทะเบียนผู้ทีรายได้น้อยรอบ 2 วันที่ 3-4 เมษายน ผ่านธนาคารออมสิน 107,371 ราย และธนาคารกรุงไทย 77,795 ราย
ด้านนายวันชัย เจริญชัยมงคล ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการหนี้สินนอกระบบ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ขณะนี้ผู้มีรายได้น้อยยื่นแสดงความจำนง เพื่อขอแก้หนี้นอกระบบ พร้อมลงทะเบียนรอบ 2 เข้ามาด้วย ซึ่ง ธ.ก.ส.จะนำข้อมูลมาวิเคราะห์และให้ความช่วยเหลือปลดหนี้นอกระบบให้กับประชาชนด้วย รวมถึงผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน 5,000 ล้านบาท คาดว่าช่วงเปิดภาคเรียนน่าจะมีการขอเข้ามาเพิ่มขึ้น เบื้องต้น การปล่อยสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อป้องกันหนี้นอกระบบ วงเงิน 5,000 ล้านบาท ขณะนี้อนุมัตสินเชื่อแล้ว 11,200 ราย วงเงินรวม 560 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย