กรุงเทพฯ
22 เม.ย.-บอร์ด ขสมก.ยังไม่ชี้ขาดยกเลิกสัญญารถเมล์เอ็นจีวี ส่วนโครงการประมูล e-Ticket มี 3 รายชิงดำงบกว่า 1,700 ล้านบาท
นายสุระชัย
เอี่ยมวชิรสกุล
ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)
เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก. วันนี้ (22 มี.ค.)ว่า
ได้หารือกัน ถึงความคืบหน้าโครงการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง
หรือ NGV 489 คันว่า บอร์ดให้นโยบายให้ปฏิบัติตามสัญญา ตามระเบียบกฎหมาย ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติ
และต้องรอข้อมูลที่ระบุแหล่งกำเนิดของรถให้ชัดเจนก่อน เพื่อประกอบในการตัดสินใจได้
ขณะนี้กรมศุลกากรได้ตอบหนังสือกลับมายัง
ขสมก.ว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการหาแหล่งกำเนิดของรถ เบื้องต้นกรมศุลกากรเชื่อว่ารถเมล์
NGV ไม่ได้ผลิตที่มาเลเซีย
แต่รายละเอียดยังไม่ระบุแหล่งกำเนิดชัดเจน ทำให้ ขสมก.
ต้องส่งหนังสือไปหากรมศุลกากรอีกครั้ง เพื่อขอข้อมูลที่ชัดเจน ขณะที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้เรียก ขสมก.
เพื่อไปให้ข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมแนะนำให้ทำหนังสือไปที่สถานเอกอัครราชทูตประเทศมาเลเซีย
เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว
“ขสมก.ได้ติดตามเรื่องรถเมล์
NGV ตลอดเวลา ไม่ได้นิ่งนอนใจ ขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ตัดสิน ซึ่งไม่ง่าย
เพราะหากยกเลิกสัญญา ทันทีก็เสี่ยงต่อการ โดนฟ้องร้อง” นายสุระชัย กล่าว
ส่วนการดำเนินโครงการระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์หรือ
e-Ticket นายสุระชัย กล่าวว่า ในวันที่ 27 มี.ค. นี้
ขสมก.จะประกาศผลผู้ที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้นและผ่านการสาธิตระบบ (Proof
Of Concept: POC) ในโครงการเช่าระบบบัตร e-Ticket
เพื่อเชื่อมโยงกับระบบตั๋วร่วม โดยในวันที่ 5
เม.ย. นี้ จะเปิดให้ผู้ผู้คุณสมบัติเบื้องต้น
เสนอราคา ซึ่งคณะกรรมการจัดซื้อจะพิจารณาว่ารายใดเสนอราคาต่ำสุด
โดยจะนำผลการคัดเลือกเสนอให้คณะกรรมการ ขสมก.พิจารณาอนุมัติ ในช่วงปลาย เม.ย.
นี้ คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ พ.ค.นี้
ทั้งนี้
ระบบ e-Ticket จะนำไปติดตั้งรถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพจำนวน 2,600 คัน
วงเงิน 1,786 ล้านบาท สัมปทานระยะเวลา 5 ปี
โดยผู้ชนะการประกวดราคาจะต้องติดตั้งระบบ e-Ticket และอุปกรณ์ต่างๆ ล็อตแรกจำนวน 100
คัน ภายใน 120 วัน
นับตั้งแต่วันลงนามในสัญญา ขณะที่ล็อตที่ 2
จำนวน 700 คัน จะต้องติดตั้งระบบและให้บริการ ภายใน 180 วัน และล็อตที่
3 จำนวน 1,800 คัน
จะต้องติดตั้งระบบและให้บริการได้ภายใน 360 วัน
ด้านแหล่งข่าวจาก
ขสมก. ระบุว่า มีผู้ยื่นซองประกวดราคารวม 4 กลุ่มบริษัท พบว่า มีผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ 3 กลุ่มบริษัทเท่านั้น ส่วนแผนการจัดซื้อรถโดยสารใหม่นั้น
ขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนแผน คาดว่าจะได้ข้อสรุปทั้งหมดภายใน พ.ค.-มิ.ย.นี้ โดยเบื้องต้นได้เปรียบเทียบระหว่างรถ
Hybrid กับรถที่ใช้พลังงานในรูปแบบอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายในปีนี้ จะสามารถเปิดประมูลรถเมล์ไฟฟ้าจำนวน 200 คัน
รวมถึงการปรับปรุงสภาพรถเมล์จำนวน 672 คันด้วย -สำนักข่าวไทย
