SCN หมูไม่กลัวน้ำร้อน เดินหน้าขยายปั๊มเอ็นจีวี



กรุงเทพฯ 20 มี.ค. – SCN เดินหน้าขยายปั๊มเอ็นจีวีครบ
20 แห่งปีนี้ ชี้เป็นโอกาสดีช่วงราคาน้ำมันเฉลี่ยปีนี้ขยับขึ้น ด้านตัวเลข ธพ.เผย
ยอดใช้เอ็นจีวียังดิ่ง ปั๊มทยอยปิดตัว

นายฤทธี กิจพิพิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด
(มหาชน) หรือ
SCN
กล่าวว่า บริษัทฯ
มีเป้าหมายต้องการเปิดให้บริการสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ
NGV สำหรับยานยนต์เพิ่มอีกทั้งสิ้น
13 แห่ง ภายใต้งบลงทุนในปีนี้ 1,350 ล้านบาท โดยรูปแบบการขยายธุรกิจในครั้งนี้
มีทั้งการเข้าซื้อกิจการ (
M&A) จากผู้ประกอบการเดิม
การจับมือกับพันธมิตรสถานีบริการน้ำมันและการขอสัญญาซื้อขายก๊าซจากปตท.
เพื่อลงทุนพัฒนาสถานีก๊าซ
NGV เอง
ซึ่งเมื่อรวมกับสถานีบริการก๊าซ
NGV สำหรับยานยนต์ที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว
7 แห่งในปัจจุบัน ทำให้สิ้นปีนี้
SCN จะมีสถานีบริการก๊าซธรรมชาติรวมทั้งสิ้น
20 แห่ง


สำหรับรายละเอียดการขยายสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ในปีนี้อีก
13 แห่ง ประกอบด้วย รูปแบบการเข้าซื้อกิจการจากผู้ประกอบการรายเดิมจำนวน 3 แห่ง
การจับมือพันธมิตรสถานีบริการน้ำมัน (
Join Venture) จำนวน 3
แห่ง ส่วนที่เหลืออีก 7 แห่งนั้นเป็นการขอสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติจากปตท.
พร้อมดำเนินการก่อสร้างรวม 6 แห่ง และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 1 แห่ง
ที่จังหวัดขอนแก่น

ทั้งนี้ ภายในไตรมาส 1/60 บริษัทฯ
คาดว่าจะลงนามเซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับ ปตท. เพื่อลงทุนก่อสร้างสถานีก๊าซธรรมชาติเองอีก
4 แห่ง ประกอบด้วย บีพีเอ อินเตอร์เทรด จังหวัดชลบุรี 2 แห่ง
คาดการณ์ยอดขายสูงสุดรวม 120,000 กิโลกรัม/วัน จังหวัดปราจีนบุรี 1 แห่ง
คาดการณ์ยอดขายสูงสุด 40,000 กิโลกรัม/วัน และที่สถานีบริการก๊าซธรรมชาติสยามวาสโก
จังหวัดชัยนาท 1 แห่ง คาดการณ์ยอดขายสูงสุด 40,000 กิโลกรัม/วัน
ส่วนที่เหลือคาดว่าจะสรุปเพื่อซื้อกิจการอีก 1 แห่ง
และรอเซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับ ปตท. ได้ทั้งหมดภายในปีนี้

ภาพรวมราคาน้ำมันยังเป็นทิศทางขาขึ้น
ทำให้ผู้ประกอบการภาคขนส่งหันมาใช้ก๊าซธรรมชาติ
NGV ที่มีต้นทุนถูกกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่น
เมื่อรวมกับสถานีก๊าซธรรมชาติของเราที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น
จึงมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายตามแผนงานที่วางไว้ในปีนี้ได้
นายฤทธี กล่าว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากราคาน้ำมันปรับลดลงเมื่อช่วง 2
ปีครึ่งที่ผ่านมา ทำให้ยอดใช้เอ็นจีวีของประเทศลดลง และมีการทยอยปิดปั๊มเอ็นจีวี
โดยกรมธุรกิจพลังงาน รายงานตัวเลขยอดใช้ของประเทศ เดือนมกราคม 2560 เฉลี่ยที่
6,772 ตัน/วัน ลดลงจากปี 2559 ร้อยละ 13.7 โดยยอดใช้ ช่วงเดียวกันปี 2559 อยู่ที่
7,849 ตัน/วัน และ ปี 2558 อยู่ที่ 8,448 ตัน/วัน /ในขณะที่จำนวนปั๊มของประเทศล่าสุด2
เดือนแรกของปีนี้ทยอยปิดไป30 ตัว เหลือเพียง 462 แห่ง จากตัวเลขปี2559 มี 492 แห่ง
และ ปี 2558 มี 488 แห่ง..

ส่วน ราคาเอ็นจีวี เดือนมีนาคม 2560 ราคาขยับขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์
0.56 บาท/กก. ราคาอยู่ที่ 13.20 บาท/กก.ตามราคาก๊าซธรรมชาติอ่าวไทยที่ผันแปรตามราคาน้ำมันเตาย้อนหลัง
6-12 เดือน ซึ่งแนวโน้มราคาเอ็นจีวีอาจจะขยับขึ้นได้อีก/ สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง