รัฐสภา 20 มี.ค.-ผู้ว่าฯ สตง.ยืนยันตรวจภาษีอดีตนักการเมืองตามหน้าที่ ไม่ได้เลือกปฏิบัติ เร่งสรรพากรประเมินภาษีอดีต 60 นักการเมือง หากล่าช้าต้องถูกป.ป.ช.ตรวจสอบ
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ระบุอดีตนักการเมือง 60 คนในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรไม่มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ว่า แม้ป.ป.ช.จะยืนยันว่านักการเมืองเหล่านั้นจะไม่ได้ร่ำรวยผิดปกติ แต่การที่มีรายได้เพิ่มขึ้น กรมสรรพากรต้องตรวจสอบว่าอดีตนักการเมืองเหล่านั้นเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ทั้งหลังพ้นตำแหน่งหรือพ้นจากตำแหน่ง 1 ปีแล้วมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นหรือลดลง
“ไม่ใช่การตรวจสอบเฉพาะเจาะจงหรือเป็นนโยบายจากรัฐบาล แต่เป็นนโยบายของคณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.)เพื่อให้เกิดความถูกต้องในการจัดเก็บภาษี ยืนยันว่า สตง. ไม่ได้ตรวจสอบเฉพาะนักการเมืองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจัดเก็บภาษีด้านอื่น ๆ ทั้งผู้มีรายได้สูง มีรถหรู หรือมีเงินสินสอดมหาศาล ขอให้บุคคลที่รู้ตัวว่าเลี่ยงภาษีหรือยื่นประเมินไม่ถูกต้องเร่งรัดจ่ายภาษีคืนรัฐ เพื่อไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการประเมินในภายหลัง และขอเร่งรัดไปยังกรมสรรพากรให้รีบประเมินภาษีอดีต 60 นักการเมืองโดยเร็ว ภายใน 1ปีนับจากนี้ ยืนยันว่ารายชื่อที่สตง.ส่งให้ป.ป.ช.มี 60 คนเท่านั้น ไม่ได้เป็น 100 คนตามที่เป็นข่าว” ผู้ว่าฯ สตง. กล่าว
ส่วนกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้กรมสรรพาตรวจสอบการเสียภาษีจากเช็ค 1 ล้านบาทของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของกรมสรรพากรและสตง.จะเป็นผู้ติดตามการตรวจสอบ โดยจะพุ่งเป้าไปยังนักการเมืองที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นหลังจากพ้นตำแหน่งเกินกว่า 5-6 ล้านบาท
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า หากภายในวันที่ 31 มีนาคมนี้ กรมสรรพากร ยังไม่สามารถประเมินการเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ จากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ และไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม จะถือว่ากรมสรรพากรละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งสตง.จะส่งเรื่องไปยังป.ป.ช.ให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของกรมสรรพากรต่อไป.-สำนักข่าวไทย