สนช.เห็นชอบรายงานแก้ปัญหาระบบอุปถัมภ์ในระบบราชการไทย

a00111รัฐสภา 23 ธ.ค. –  สนช.เห็นชอบ รายงานแก้ไขปัญหาระบบอุปถัมภ์ในระบบราชการไทย ยกการแก้ปัญหาระบบอุปถัมภ์เป็นวาระแห่งชาติ กำหนดข้อห้ามรับของขวัญ เล่นกอล์ฟกับผู้มีส่วนได้ประโยชน์ ตั้งองค์กรกลางบริหารงานบุคคลควบคุมมาตรฐาน  ด้านปธ.กมธ.แนะแก้ค่านิยมสังคมเป็นลำดับแรก รองลงมาคือแก้กฎหมาย


เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การแก้ไขปัญหาระบบอุปถัมภ์ในระบบราชการไทยให้เป็นรูปธรรม ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการแก้ไขปัญหาระบบอุปถัมภ์ในระบบราชการไทยให้เป็นรูปธรรมพิจารณาเสร็จแล้ว

พล.ร.อ.ศักดิ์สิทธิ เชิดบุญเมือง ประธานกรรมาธิการฯ  กล่าวรายงานว่า ปัญหาระบบอุปถัมภ์ของไทยสั่งสมมายาวนาน โดยเฉพาะในแวดวงราชการไทย ซึ่งระบบราชการถือเป็นเสาหลักที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ จึงต้องมีกระบวนการให้ความเป็นธรรม แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากประสบปัญหาจากผู้บังคับบัญชา ระบบอุปถัมภ์และไม่มีคดีตัวอย่าง จึงทำให้ผู้กระทำผิดไม่เกรงกลัวกฎหมาย


ประธานกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ต้องมีแนวคิดเชิงยุทธศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาระบบอุปถัมภ์ในระบบราชการไทย ผ่านกระบวนการปลูกฝังค่านิยม ปรับปรุงกฎหมาย ปฏิรูประบบราชการ สร้างการมีส่วนร่วมภาคประชาสังคม  ปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล การแก้ไขระบบอุปถัมภ์และการทุจริตคอร์รัปชั่น ประกาศใช้กฎหมายโดยเร็ว มีกลไกลติดตามตรวจสอบการออกกฎหมาย ปรับปรุงกระบวนการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งนักบริหารระดับสูง

“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ระบบราชการและวัฒนธรรมการทำงานของราชการยังคงถูกแทรกซึมด้วยระบบอุปถัมภ์ ในแวดวงข้าราชการไทย ยึดโยงกับความเชื่อเรื่องผู้ใหญ่ มีการฝากเนื้อฝากตัว ทดแทนบุญคุณ มีภาษิตมากมาย เช่น ข้าเก่าเต่าเลี้ยงทำให้ระบบอุปถัมภ์ฝังรากลึก มีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวพัน  ข้าราชการผู้น้อยวิ่งเข้าหาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่  ส่วนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ก็จะวิ่งหานักการเมือง ที่มีอำนาจแต่งตั้ง โยกย้าย นักธุรกิจก็วิ่งเต้นเสนอผลประโยชน์ตอบแทน โดยไม่คำนึงถึงหลักคุณธรรม ความเสมอภาค ความรู้ความสามารถ ทำให้ข้าราชการขาดขวัญกำลังใจ คนเก่งคนดี ไม่สามารถอยู่ในระบบได้ กลายเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งระบบอุปถัมภ์ได้สร้างความเสียหายอย่างมาก” พล.ร.อ.ศักดิ์สิทธิ กล่าว

สำหรับข้อเสนอของคณะกรรมาธิการฯ  มีข้อเสนอแนะเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ 4 ด้าน คือการดำเนินการด้านนิติบัญญัติ ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัย ป้องกันการใช้ระบบอุปถัมภ์ ส่งเสริมระบบคุณธรรมในการพิจารณาแต่งตั้งและโยกย้ายบุคลากรภาครัฐ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติ การดำเนินการด้านการบริหาร ใช้หลักธรรมาภิบาลเป็นหลักในการบริหารบ้านเมือง  ยกระดับการแก้ไขปัญหาระบบอุปถัมภ์ในระบบราชการไทยเป็นวาระแห่งชาติ


กำหนดข้อห้ามต่าง ๆ เหมือนบางประเทศเช่น  การห้ามรับของขวัญ รับเลี้ยง รับสินบน หรือเล่นกอล์ฟ กับผู้มีส่วนได้ประโยชน์ หรือการห้ามข้าราชการที่เกษียณอายุราชการแล้ว เข้าไปรับทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับภาคธุรกิจเอกชน ที่ข้าราชการผู้นั้นเคยมีอำนาจอยู่ในหน่วยราชการนั้น ๆ ในระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี หลังจากเกษียณอายุราชการ

และเห็นควรลดขั้นตอนระยะเวลาในกระบวนการด้านตุลาการและกระบวนการให้ความเป็นธรรม มีบทลงโทษที่เด็ดขาด และฝึกอบรมภาคราชการและเอกชน พร้อมกันนี้ยังเสนอให้จัดตั้งองค์กรกลางการบริหารงานบุคคล เพื่อเป็นกลไกในการควบคุมและกำกับดูแลให้การบริหารงานบุคคลภาครัฐ เป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน มีความเป็นกลาง เป็นหน่วยงานอิสระที่ไม่ขึ้นกับฝ่ายบริหารหรืออยู่ใต้การบังคับ บัญชาของฝ่ายบริหารโดยตรง

สมาชิก สนช. หลายคนอภิปราย โดย นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิก สนช. กล่าวว่า ประเทศไทยเสพติดระบบอุปถัมภ์มายาวนาน   และที่พบเห็นมากคือในกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีการฝากเด็กเข้าโรงเรียน  ส่วนตัวเชื่อว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะช่วยให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากระบบอุปถัมภ์

นายกล้านรงค์ จันทิก สนช. กล่าวว่า ระบบอุปถัมภ์มาจากสภาพสังคมไทย ที่แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มผู้มีอำนาจและกลุ่มผู้ไม่มีอำนาจ กลุ่มผู้มีอำนาจวิ่งไปหาผู้มีอำนาจนักการเมืองเพื่อความอยู่รอด และเรามี 3 กฎ คือกฎหมาย กฎสังคมและกฎแห่งกรรม  ซึ่งขณะนี้กฎหมายไทยสามารถปราบปรามคอร์รัปชั่นได้ และถูกบัญญัติไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่สำคัญยังเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันคอร์รัปชั่น แต่การบังคับใช้กฎหมายยังประสบปัญหาหลายด้าน ขณะที่รายงานฉบับนี้ต้องเน้นเรื่องกฎสังคมให้ชัดเจนกว่านี้ ซึ่งจะทำให้ระบบอุปถัมภ์ลดน้อยลงได้

หลังการอภิปรายอย่างกว้างขวางที่ประชุมเห็นชอบให้ส่งรายงานดังกล่าวไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นข้อมูลดำเนินการจัดทำกฎหมายต่อไป

พล.ร.อ.ศักดิ์สิทธิ ให้สัมภาษณ์ว่า มั่นใจว่ารายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและเกิดประสิทธิภาพต่อระบบราชการ นำไปสู่ความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาของชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม ต้องแก้ที่ค่านิยมทางสังคม ก่อน ซึ่งคณะกรรมาธิการ จะจัดพิมพ์รายงานดังกล่าวประมาณ 3,000 ฉบับ แจกจ่ายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ต่อไป  และติดตามผลในรูปแบบการตั้งกระทู้ถามรัฐบาล ว่าดำเนินการสิ่งใดไปบ้าง และมีแนวคิดที่จะตั้งกรรมาธิการเพื่อขับเคลื่อนทางสังคม และผลักดันการออกเป็นกฎหมาย

“เรามีกฎหมายมากพออยู่แล้ว ต้องมาโฟกัสสังคม ให้คนไทยมีค่านิยมทางสังคมใหม่ รายงานที่ออกมาไม่สามารถเปลี่ยนได้ทันที ต้องค่อยเป็นค่อยไปแก้ที่สังคมก่อนกฎหมาย” พล.ร.อ.ศักดิ์สิทธิกล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ข่าวแนะนำ

ซุ้มไฟเฉลิมพระเกียรติฯ สุดตระการตา รับประเพณียี่เป็ง

ยามค่ำคืนในตัวเมืองเชียงใหม่ ประดับประดาด้วยแสงไฟรับประเพณียี่เป็ง หรือลอยกระทงเชียงใหม่ โดยเฉพาะบนถนนท่าแพ มีการสร้างซุ้มประดับไฟเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 14 ซุ้ม ยาวกว่า 200 เมตร.

“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ตั้งโต๊ะแจงปมรีดทรัพย์ รับอ้างชื่อ “หนุ่ม กรรชัย” เพื่อขายงาน

“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ตั้งโต๊ะแจงปมเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท จากดิไอคอน ยอมรับอ้างชื่อ “หนุ่ม กรรชัย” เพราะต้องการขายงาน

คุมตัว “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ฝากขัง เจ้าตัวเงียบรีบเดินขึ้นรถตู้

ตำรวจกองปราบคุมตัว “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ฝากขัง ผู้ต้องหาปัดตอบสื่อ ด้านพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เพราะมีพฤติการณ์หลบหนี