กระทรวงเกษตรฯ 7 ม.ค.- นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรียกประชุมศูนย์ติดตามและแก้ปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงเกษตรฯเป็นกรรมการ เพื่อติดตามประเมินผลความเสียหายจากปัญหาอุทกภัยรุนแรงในช่วง 6 วันที่ผ่านมา และผลกระทบยาวต่อเนื่องจากช่วงวันที่ 5 ธันวาคม พบว่ามีพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย 9 แสนไร่ ทั้งสวนยางพารา นาข้าว สวนปาล์ม หลังจากรัฐบาลได้ประกาศยกระดับการบริหารจัดการภัยพิบัติสาธารณะปัญหาอุทกภัยในภาคใต้ให้อยู่ในระดับ 3 จึงเกิดความคล่องตัวต่อการเคลื่อนย้ายกำลังการช่วยเหลือของหน่วยงานต่างๆเข้าช่วยเหลือได้สะดวกมากขึ้น เพื่อเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ จากทุกหน่วยงานราชการในพื้นที่ใกล้เคียงที่มีอยู่ในบัญชีของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย เพื่อเร่งเคลื่อนย้ายลงพื้นที่ช่วยแก้ปัญหา
ขณะนี้กรมปศุสัตว์ ได้เคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยงออกจากพื้นน้ำท่วมขัง 3 แสนตัว นำอาหารสัตว์ช่วยเหลือ 1,500 กิโลกรัม กรมประมงได้เตรียมเรือรองรับการช่วยเหลือ 50 ลำ กรมชลประทานมีทั้งเครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกน้ำ โดยเตรียมเครื่องสูบน้ำ 1,500 เครื่อง นำออกไปช่วยเหลือแล้ว 230 เครื่อง รถบรรทุกมีจำนวน 295 คัน นำออกไปช่วยเหลือแล้ว 33 คัน สำหรับการช่วยเหลือฉุกเฉิน ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจใช้งบประมาณ 50 ล้านบาทรองรับปัญหาฉุกเฉิน ทั้งเรื่องอาหาร อุปกรณ์ ถุงยังชีพ จากนั้นหน่วยงานต่างจะเข้าประเมินความเสียหาย เพื่อชดเชยความเสียหายทั้งอาคารบ้านเรือน พื้นที่ทำกินทางการเกษตร การซ่อมบำรุงเส้นทาง ในส่วนด้านพื้นที่เกษตรจะประเมินเมื่อปริมาณน้ำลดลง
ปลัดกระทรวงเกษตรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปริมาณฝนในภาคใต้จะลดลงในวันพรุ่งนี้ แต่จะมีพายุฝนอีกครั้งในวันที่ 16-17 ม.ค. จึงต้องรับมืออย่างใกล้ชิด และเมื่อรัฐบาลประกาศยกระดับบริหารจัดการภัยพิบัติในระดับ 3 แล้ว จะทำให้การช่วยเหลือของส่วนต่างๆเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น โดยศูนย์ติดตามและแก้ปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ปัจจุบันจังหวัดนครศรีธรรมราช มีปัญหาอุทกภัยหนักรุนแรงหนักสุดจึง เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน 72,000 ครัวเรือน จังหวัดสุราษฎร์ ได้รับความเดือน 63,000 ครัวเรือนใน 11 อำเภอ จังหวัดนราธิวาส เกษตรกรได้รับความทเดือนร้อน 33,300 ครัวเรือน หากมีความเสียหายจำนวนมากจนต้องขอจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องประเมิณเพื่อชดเชยให้การช่วยเหลือ.-สำนักข่าวไทย