รัฐสภา 26 ม.ค. –มีชัย เปิดเวที ฟังความเห็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชี้ที่มา กสม. ไม่หลากหลาย ไม่คล่องตัว การสรรหาไม่โปร่งใส ต้องปรับหลักเกณฑ์สร้างกลไกใหม่เพื่อทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวเปิดสัมมนารับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. … ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พบว่าการทำงานของ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มีปัญหาอย่างต่อเนื่องที่นำไปสู่การลดบทบาทในนานาชาติ ซึ่งปัจจัยหนึ่งเกิดจาก ที่มาของ กสม. ไม่มีความหลากหลาย ขาดความโปร่งใสในการสรรหา และไม่เชื่อมโยงกัน นอกจากนี้ ยังพบว่าการทำงานของ กสม. ไม่มีความคล่องตัว ไม่ปรับตัวเข้าหากัน แบ่งงานกันทำ จนทำให้เกิดปัญหาตามมา จึงต้องปรับหลักเกณฑ์ขั้นตอนการทำงานให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
นายมีชัย กล่าวว่า กรธ. จึงได้กำหนดภารกิจให้มีความชัดเจนมากขึ้น และสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน กำหนดองค์ประกอบที่มาของคณะกรรมการ กสม. จะต้องมาจากหลากหลายสาขาอาชีพ อย่างน้อยสาขาละ 1 คน สร้างกลไกใหม่ให้ทำงานเป็นทีม เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ทำงานให้สอดคล้อง รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเกิดผลกับประชาชนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยัง เปิดช่องทางให้สามารถนำผู้เชี่ยวชาญมาจัดทำแผนการรายงานประจำปีไว้ล่วงหน้า
ประธาน กรธ. กล่าวว่า ที่ผ่านมาการทำงานของ กสม. และผู้ตรวจการแผ่นดินมีความเกี่ยวข้องกัน จนทำให้การทำงานซ้ำซ้อน ดังนั้น กรธ. เห็นว่าหากทั้ง 2 หน่วยงานร่วมมือกันอย่างจริงจัง เชื่อว่าภายใน 5-10 ปี จะลดขั้นตอนและได้รับการแก้ไขให้รวดเร็วขึ้น กรธ. พยายามเขียนใน รัฐธรรมนูญสร้างกลไกให้สำนักงานเป็นเครื่องมือรองรับการทำงานของคณะกรรมการอย่างจริงจัง เพื่อให้มีแรงกระตุ้นในการทำงานและเกิดความสำเร็จโดยมีการทำงาน 3 แนวทาง คือ แสวงหาข้อเท็จจริง วิเคราะห์ข้อเท็จจริง หาทางแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุในอนาคต
“อยากให้ กสม. ริเริ่มทำเรื่องการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างเป็นระบบให้มากขึ้น มากกว่าการแก้ปัญหารายบุคคล โดยเฉพาะเรื่องการใส่โซ่ตรวนนักโทษ และการปล่อยให้ผู้สื่อข่าวซักถามผู้ต้องหา ที่อยากให้แก้ไขทั้งระบบ ทำให้เป็นรูปธรรม ปัญหาที่ทำให้ไทยถูกมองในแง่ลบเพราะที่มาของ กสม.ไม่หลากหลายพอ ขาดความโปร่งใสในการสรรหา กสม. ต้องทำแผนงานประจำปีล่วงหน้า ถ้าจัดทำไม่แล้วเสร็จให้กสม. พ้นตำแหน่งไปทั้งคณะ เพื่อป้องกันไม่ให้การทำงานล่าช้า” นายมีชัย กล่าว
ขณะที่ผู้ร่วมสัมมนาได้สะท้อนความเห็นอยากให้ปรับในเรื่องของคณะกรรมการสรรหาให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะตัวคณะกรรมการสรรหาต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องสิทธิมนุษยชน เพื่อใช้ความรู้ดังกล่าวสรรหาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้อย่างตรงจุด.-สำนักข่าวไทย