กรุงเทพฯ 27 ม.ค. – คปภ.เพิ่มมาตรการเยียวยาน้ำท่วมใต้ “ตั้งศูนย์-เพิ่มชุดโมบายเคลื่อนที่” ย้ำให้ยึดถือแนวปฏิบัติตามมาตรฐานการซ่อมรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม เพื่อป้องกันการเอาเปรียบประชาชนที่เดือดร้อน
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ 12 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ พัทลุง นราธิวาส ยะลา สงขลา ปัตตานี ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร ระนอง กระบี่ และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งขณะนี้หลายจังหวัดยังมีน้ำท่วมขังและหลายจังหวัดถูกน้ำท่วมเป็นระลอกที่ 2
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุด ( 26 ม.ค. ) พบว่ามีความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน 1,856 รายการ ประเมินมูลค่าความเสียหายกว่า 559 ล้านบาท โดยรถยนต์ที่ทำประกันภัยได้รับความเสียหาย 1,631 คัน ประเมินมูลค่าความเสียหายกว่า 139 ล้านบาท ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยที่ให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วมด้วย 69 ราย ประเมินมูลค่าความเสียหายกว่า 3.9 ล้านบาท ประกันอัคคีภัยอาคารพาณิชย์/เอสเอ็มอี 49 ราย ประเมินมูลค่าความเสียหายกว่า 7 ล้านบาท
นายสุทธิพล กล่าวว่า จากข้อมูลความเสียหายครั้งนี้จะเห็นได้ว่ารถยนต์ที่ทำประกันภัยได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและชุมพร ซึ่งถูกน้ำท่วมเป็นระลอกที่ 2 ทำให้ประชาชนมีความยากลำบากในการชักลากรถยนต์ออกจากพื้นที่ เพื่อนำรถยนต์ไปซ่อมในจุดที่ให้บริการซ่อมรถยนต์ จึงสั่งการให้ตั้งศูนย์ประสานงานและจัดชุดโมบายเคลื่อนที่เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประภัย
เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า กรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองกรณีน้ำท่วมมีหลายประเภท ขอให้ผู้ทำประกันภัยตรวจสอบกรมธรรม์เป็นแบบใดและคุ้มครองเพียงใด หากมีข้อสงสัยให้ประสานงานกับบริษัทที่รับประกันภัยหรือสายด่วน คปภ. 1186 โดยอย่าหลงเชื่อคำแอบอ้างใด ๆ ทั้งสิ้น.-สำนักข่าวไทย