จีน 9 ก.พ.-ธุรกิจโรงภาพยนตร์ในประเทศจีนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วตามภาวะเศรษฐกิจ ล่าสุดจำนวนโรงภาพยนตร์ในแดนมังกรเพิ่มมากขึ้นจนเป็นอันดับ 1 ของโลก แซงหน้ายักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์อย่างสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบันบ้านเรามีโรงหนังทั่วประเทศประมาณ 1,100 กว่าโรง เทียบกับจำนวนประชากรราว 70 ล้านคน เท่ากับมีโรงหนังประมาณ 110 โรงต่อประชากร 7 คน ขณะที่เมืองจีนมีสัดส่วนโรงหนังต่อประชากรมากกว่าบ้านเราเกือบเท่าตัว คือมีโรงหนัง 200 โรงต่อประชากร 7 คน
เมื่อ 4 ปีก่อน ประเทศจีนทั้งประเทศมีโรงภาพยนตร์อยู่ประมาณ 20,000 โรง แต่มาถึงปัจจุบันจำนวนแหล่งบันเทิงจากจอเงินเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเป็นถึง 40,917 โรง แซงหน้าสหรัฐ ที่มี 40,759 โรง และกลายเป็นประเทศที่มีจำนวนโรงภาพยนตร์มากที่สุดในโลกไปแล้ว แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลก เมื่อคำนึงถึงว่าจีนเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกถึงราว 1,400 ล้านคน และน่าจะยังมีโอกาสอีกมากที่จะมีผู้ลงทุนสร้างโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะตามเมืองต่างๆ ที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต
โรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ในจีนอย่าง Lumiere Cinema ที่กรุงปักกิ่ง ฉายหนังด้วยระบบ 3 มิติ หรือ 3D IMAX ที่ทันสมัยที่สุดในโลก ปีที่แล้ว Lumiere Cinema ที่มีโรงฉาย 10 โรง รวมประมาณ 2,000 ที่นั่งแห่งนี้ มีรายได้จากการขายตั๋วได้ถึง 40 ล้านหยวน หรือราว 200 ล้านบาท และยังคงมีแฟนภาพยนตร์มาอุดหนุนอย่างคับคั่งต่อเนื่อง
แต่จำนวนของโรงภาพยนตร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเมืองใหญ่ก็ทำให้ผู้ประกอบการยอมรับว่าธุรกิจนี้มีการแข่งขันอย่างดุเดือดรุนแรง แต่ละโรงจึงต้องพยายามรักษาคุณภาพบริการ จัดระบบแสง สี เสียงที่อลังการทันสมัย รวมทั้งมีโปรโมชั่นต่างๆ ออกมาเรียกลูกค้าอย่างต่อเนื่อง แต่ห่างจากกรุงปักกิ่งไปไม่มากนัก สถานการณ์ที่เมืองเล็กๆ ในมณฑลเหอเป่ย์ ซึ่งมีประชากรราว 350,000 คน กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง คนขายตั๋วในโรงภาพยนตร์นั่งเหงาอยู่หลังเคาน์เตอร์ ขณะที่พนักงานเก็บตั๋วก็มีเวลาว่างมาก ถึงขั้นนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างสบายใจเฉิบ
โรงภาพยนตร์ขนาด 400 ที่นั่งแห่งนี้เปิดมาได้ราว 2 ปีแล้ว จากที่ก่อนหน้านี้แหล่งมหรสพในจีนซึ่งเป็นของรัฐทั้งหมดได้ทยอยปิดตัวไป หลังจากจีนเริ่มเปิดประเทศรับกระแสทุนนิยม แต่ช่วงเวลาที่ห่างกันนานนับทศวรรษ กว่าจะมีโรงหนังมาเปิดให้บริการก็ทำให้ชาวเมืองส่วนใหญ่เลิกพฤติกรรมการออกไปดูหนังนอกบ้าน แต่นิยมดูหนังฟรีทางออนไลน์มากกว่า ทุกวันนี้ โรงภาพยนตร์ในเมืองเล็กๆ ต้องปรับตัวเพื่อพยายามพยุงธุรกิจให้อยู่รอด โดยหันไปให้เช่าสถานที่จัดงานรื่นเริง หรือจัดประชุมประจำปีของบริษัท รวมทั้งหารายได้เสริมจากการขายเครื่องดื่ม และป๊อปคอร์นให้มากขึ้น
นอกจากความแตกต่างกันอย่างมาก ระหว่างธุรกิจในเมืองใหญ่กับเมืองเล็กแล้ว แม้ในประเทศจีนจะมีจำนวนโรงภาพยนตร์มากกว่า แต่เอาเข้าจริงรายได้จากการขายตั๋วเมื่อปี 2015 ทำได้ราว 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็น้อยกว่าถึงเกือบครึ่งเมื่อเทียบกับในอเมริกาเหนือที่มียอดขายตั๋วรวมกับรายได้จากโฆษณาในโรงหนังถึง 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนให้เห็นว่าเมื่อคิดสัดส่วนของโรงหนังและจำนวนผู้ชมเทียบกับจำนวนประชากรแล้ว ธุรกิจจอเงินในจีนยังห่างไกลกับยักษ์ใหญ่ฮอลลีวูดอย่างสหรัฐอเมริกามากนัก และนั่นคือปัจจัยที่ชี้ว่าอนาคตของธุรกิจบันเทิงสาขานี้ในแดนมังกรจะยังมีโอกาสก้าวต่อไปได้อีกไกลแค่ไหน.-สำนักข่าวไทย