ระยอง 9 ก.พ.- ชาวบ้านจ.ระยอง ร้องกรรมการสิทธิมนุษยชน หลังตกเป็นหนี้นายทุนแบบไม่รู้ตัว รวมกันแล้ว 81 ล้านบาท
กลุ่มชาวบ้านจำนวน 7 คน นำโดยนางสาวนีระกานต์ ปานสะอาดโชค อายุ 36 ปี ได้เข้าพบกับนายภีมเดช อมรสุคนธ์ ประธานสิทธิมนุษยชนภาคตะวันออก เพื่อขอปรึกษาและขอความเมตตาช่วยเหลือเรียกร้องความเป็นธรรม หลังจากพากันตกเป็นหนี้สินนายทุนรายหนึ่งในจังหวัดระยอง รวมกันแล้วถึง 81 ล้านบาท
ทั้งนี้นางสาวนีระกานต์ หนึ่งในผู้ที่ตกเป็นหนี้ในจำนวนเงิน 81 ล้านบาท เล่าว่า เรื่องราวดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2554 เมื่อตนได้ออกเช็คเปล่าให้กับนายวิเศษ สิงห์อ่อนหรือนายธีระสิทธิ์ ไชยธนาศักดิ์ ซึ่งเป็นพี่เขย โดยอ้างว่าจะนำไปเช็คไปค้ำประกันในการกู้ยืมเงินจากนายทุนรายหนึ่งมาใช้หมุนเวียนทำธุรกิจ
โดยนายวิเศษ ขณะนั้นทำธุรกิจรถบรรทุก ตนเกิดความสงสารและเห็นใจจึงยินยอมให้เช็คเปล่าแก่นายวิเศษ พี่เขยไป ซึ่งตนได้เซ็นชื่อในเช็คไว้ แต่ไม่เขียนจำนวนเงิน จนเรื่องมาเกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ปี 2547 นายวิเศษ พี่เขยได้ถูกกลุ่มนายทุนเจ้าของเงินติดตามทวงหนี้และอุ้มไปทำร้ายร่างกายและขู่ฆ่า พร้อมกับบังคับให้นำเงินไปจ่าย จำนวน 10 ล้านบาท ในวันดังกล่าว และหลังจากกลุ่มนายทุนได้ทำร้ายร่างกายนายวิเศษ จนพอใจแล้ว จึงได้ปล่อยตัวมา
จากนั้นนายวิเศษ ได้เรียกตนไปพบที่บ้าน จึงได้รู้ว่าไม่ใช่ตนคนเดียวเท่านั้น ที่นายวิเศษ ได้ไปขอยืมเช็คเปล่ามาเพื่อค้ำประกันเงินกู้ ยังมีญาติและเพื่อนรวมทั้งลูกสาวของนายวิเศษ คือนางสาว ชรัมพร สิงห์อ่อน รวมอยู่ด้วยถึง 9 คน รวมเป็นเงินที่ต้องชดใช้เป็นหนี้รวมแล้ว 81 ล้านบาท ด้วยกัน
หลังจากเกิดเรื่องนางสาวนีระกานต์ ยังเล่าว่า พวกตนทั้ง 9 คน ได้ถูกจับกุมคดีเช็คติดคุกกันทุกคน ก่อนที่จะปรึกษาทนายความรายหนึ่ง แต่คาดว่าน่าจะเป็นทนายที่รวมหัวกับนายทุน ใช้อุบายเล่ห์กลทางกฎหมายหลอกพวกตนเซ็นชื่อยอมรับสภาพ โดยอ้างว่าเพื่อเปลี่ยนไม่ให้เป็นคดีอาญา พวกตนหลงเชื่อจึงพากันเซ็นชื่อ จนปัจจุบันต้องมานั่งรับสภาพเป็นหนี้รวมกันแล้วถึง 81 ล้านบาท
ทั้งนี้แต่ละคนจะมีสภาพเป็นหนี้ต่างกันตั้งแต่ 5 ล้านบาท ไปจนถึงสูงสุด 17 ล้านบาท อย่างเช่นนางสาวนีระกานต์ นั้นเป็นหนี้ต้องชดใช้นายทุน 17 ล้านบาท เช่นเดียวกับนายแอ็ด รักษาศีล ซึ่งเป็นเพื่อนและรู้จักกับนายวิเศษ และประกอบอาชีพทำธุรกิจขายยางรถยนต์เปอร์เซ็นต์ ต้องเป็นหนี้ถึง 7 ล้านบาท รวมแล้ว 9 คน จำนวน 81 ล้านบาท
เบื้องต้นกลุ่มชาวบ้านได้ยื่นหนังสือและเอกสารทางคดีทั้งหมดให้แก่นายภีมเดช อมรสุคนธ์ ประธานสิทธิมนุษยชนภาคตะวันออก เพื่อขอความเมตตาหาทางช่วยเหลือและขอความเป็นธรรมต่อไปแล้ว.- สำนักข่าวไทย