กรุงเทพฯ 11 ก.พ. –กลุ่ม ปตท.ประกาศปี 60 เป็นปีแห่งการลงทุน วงเงินสูงถึง 3 แสนล้านบาท จากงบ 5 ปีราว 1.6-1.9 ล้านล้านบาท ยืนยันประมูลโปร่งใส
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวว่า กล่าวถึงความคืบหน้า การสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีสินบนของโรลส์ รอยซ์ เอ็นเนอร์จี ซิสเต็ม อิงค์ ว่า คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ปตท. กำลังดำเนินการสอบสวน และจะครบกำหนด 30 วันในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ นี้ ทาง ปตท. จะจัดทำรายงานการสืบสวน ส่งให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช.พิจารณาต่อไป
ส่วนการลงทุนของ ปตท. ไม่ชะลอ แต่ก็เน้นความโปร่งใส ใช้สัญญาคุณธรรมมาดำเนินการ ภาพรวมการลงทุนในปีนี้ของกลุ่ม ปตท.อยู่ที่ 3 แสนล้านบาท นับเป็นปีแห่งการลงทุน ซึ่งในส่วนเฉพาะ ปตท.เน้นเรื่องโครงสร้างพื้นฐานเพื่อความมั่นคง เช่น โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 5 และคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)
ทั้งนี้ เงินลงทุนของ กลุ่ม ปตท.ในช่วง 5 ปี (ปี 2560-2564) ทางกลุ่มได้ เตรียมวงเงินที่เรียกว่าเผื่อเหลือเผื่อขาดอีกกว่า 2 แสนล้านบาท เพื่อเตรียมพร้อมหากมีโอกาสในการขยายการลงทุน ซึ่งอาจจะทำให้งบลงทุนของกลุ่มเพิ่มเป็นราว 1.9 ล้านล้านบาท จากที่ประกาศงบที่มีการเตรียมพร้อมลงทุนชัดเจนไปแล้ว 1.6 ล้านล้านบาท
สำหรับการลงทุนของบริษัทลูกอย่าง บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) จะเน้นโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ (Map Ta Phut Retrofit) ซึ่งจะทำให้โรงงานปิโตรเคมีมีความยืดหยุ่นในการใช้แนฟทาและก๊าซเป็นวัตถุดิบได้ รวมถึงบมจ.ไทยออยล์ (TOP) เน้นลงทุนการขยายกำลังกลั่น และบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เน้นลงทุนแหล่งปิโตรเลียมตามแผน
ด้านนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ซีอีโอ บมจ. พีทีทีจีซี กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทเดินหน้า โครงการลงทุนในมาบตาดพุด 2 โครงการใหญ่ ได้แก่ โครงการเรโทรฟิต นำแนฟทามาผลิตเป็นวัตถุดิบตั้งต้นปิโตรเคมี 5 แสนตันต่อปี และโครงการผลิต พีโอ/โพลีออล์ ที่ร่วมกับเครือ โตโยต้าและซันโย เงินลงทุนประเมินเบื้องต้น โครงการละ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกผู้รับเหมา ซึ่งการคัดเลือกใช้หลักสัญญาคุณธรรม มากำกับดูแล ซึ่งจะทำให้มีความโปร่งใสมากที่สุด
นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ TOP คาดว่าปีนี้ใช้เงินลงทุนราว 5-6 พันล้านบาท เน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับโครงการ ได้แก่ การสร้างถังน้ำมันเพิ่มรองรับการสำรองน้ำมันตามกฎหมายที่จะเพิ่มขึ้นตามกำลังผลิต , การขยายสถานีจ่ายน้ำมันทางรถ (lorry loading) เป็นต้น
นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าโครงการ EVEREST เพื่อเพิ่มขีดความสามารถองค์กรในทุกด้านนั้นสามารถสร้างกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย และ ภาษี (EBIT) ในปีนี้ได้ตามเป้าหมายที่ 7 พันล้านบาท หลังจากปีที่ผ่านมาทำได้เพียง 2.3 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 3.5 พันล้านบาท หลังโครงการ เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ (UHV)ล่าช้ากว่าแผน และบริษัทเตรียมประกาศแผนลงทุนใหม่ในช่วงไตรมาส 3/60 หลังจากการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทจะแล้วเสร็จทั้งหมดในไตรมาส 2/60
นายเติมชัย บุนนาค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC กล่าวว่า ปี 2559 บรืษัท มีกำไรสุทธิ 2,700 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2558 จำนวน 794 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42% จากความสามารถในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้า SPP และความแข็งแกร่งของลูกค้าอุตสาหกรรมในกลุ่ม ปตท. ทำให้โรงผลิตสาธารณูปการระยองมีปริมาณขายไฟและไอน้ำเพิ่มขึ้น และโรงไฟฟ้าไออาร์พีซี คลีนเพาเวอร์ระยะ 1 เปิดดำเนินการเต็มปี รวมทั้งรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก บ.ผลิตไฟฟ้านวนคร ที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่กลางปี 2559 ที่ผ่านมา พร้อมประกาศจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2559 จำนวน 1.15 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 64% ของกำไรสุทธิ โดยแบ่งจ่ายไปแล้ว 0.45 บาทต่อหุ้นจากผลประกอบการครึ่งปีแรก ที่เหลือจากผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังอีก 0.70 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายวันที่ 11 เมษายน 2560-สำนักข่าวไทย