เมืองทองธานี 24 ก.พ.-“พล.อ.ประวิตร” มั่นใจการใช้มาตรา 44 กับวัดพระธรรมกาย ไม่เปิดทางองค์กรต่างประเทศเข้ามาแทรกแซง ย้ำเป็นเรื่องภายใน ไม่ใช่การคุกคาม ยืนยันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามกฎหมาย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย จะรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นต่อองค์การสหประชาชาติ กรณีใช้มาตรา 44 ว่า ต้องเข้าใจว่ารัฐบาลนี้พยายามทุกอย่างถึงแม้จะเป็นรัฐบาลรัฏฐาธิปัตย์ แต่เราก็พยายามเดินตามระบอบประชาธิปไตยทุกขั้นตอน อยากให้ประเทศดีขึ้นก็จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษในบางเรื่อง เพื่อแก้ปัญหา ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคง เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ มั่นใจว่าการยื่นเรื่องดังกล่าว จะไม่ทำให้ต่างประเทศเข้ามาแทรกแซง เพราะเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องภายใน ไม่ใช่การคุกคาม เป็นการดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อเจ้าหน้าที่สงสัยก็ต้องเข้าไปตรวจค้น การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ยึดตามกฎหมาย ไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย ไม่ต้องการให้เกิดการประทะ หรือมีผู้บาดเจ็บล้มตาย
“อันนี้เรื่องภายในของประเทศเรา ไม่กระเทือนเพราะเป็นเรื่องภายใน ของเราก็ไม่ได้ไปคุกคาม แต่ที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ ทำตามกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย ก็ในเมื่อคนทำผิด เราสงสัยว่าไปอยู่ตรงนี้ แล้วถ้าตำรวจไม่มีสิทธิเข้าไปตรวจค้น จะได้ไหม เขาจะเป็นเจ้าหน้าที่ทำไม ก็เปิดให้เขาดู ไม่ได้ต้องการอะไร แค่เพียงเข้าไปดูเฉย ๆ ไม่มีก็จบ ไม่มีก็ออกมา จะอยู่เป็นเอกเทศ เป็นเอกภาพของตัวเองได้อย่างไร” พล.อ.ประวิตร กล่าว
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงกรณีจัดเซฟตี้โซนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ปัญหาภาคใต้ค่อนข้างลดลง และดีขึ้นทุกวัน แต่หากจะให้ยุติ ต้องขึ้นอยู่กับการพูดคุยให้เกิดความเชื่อมั่นทั้ง 2 ฝ่ายว่าจะสามารถยุติความขัดแย้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องของคณะพูดคุยที่จะกำหนดเซฟตี้โซน และเรื่องการลดความขัดแย้ง.-สำนักข่าวไทย