กรุงเทพฯ 24 ก.พ. – นายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ในฐานะโฆษก สคร. กล่าวว่า ตามที่เว็บไซต์ออนไลน์เผยแพร่ข่าวเลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และสมาชิกเดินทางมาที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศ หรือไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (กองทุน TFF)
ทั้งนี้ สคร.ขอชี้แจงว่า 1.การจัดตั้งกองทุน TFF เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ เนื่องจากประเทศไทยมีความต้องการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก แต่รัฐมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณและหนี้สาธารณะ ดังนั้น การระดมทุนผ่าน TFF ซึ่งไม่ถือว่าเป็นหนี้สาธารณะ จึงถือเป็นแหล่งเงินทุนทางเลือกใหม่ เพื่อใช้ในการลงทุนและพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้เกิดได้เร็วขึ้น ลดภาระการคลังระดับประเทศ ลดการพึ่งพิงเงินกู้และเงินงบประมาณ ทำให้รัฐสามารถจัดสรรเงินงบประมาณไปลงทุนในโครงการทางสังคมที่จำเป็นอื่น ๆ ได้มากขึ้น เช่น การศึกษา สาธารณสุขได้
2.การนำโครงการโครงสร้างพื้นฐานของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เข้ามาระดมทุนผ่านกองทุน TFF เนื่องจาก กทพ.เป็นหนึ่งในรัฐวิสาหกิจที่มีศักยภาพและมีทรัพย์สินที่มีรายได้ที่มั่นคงแน่นอนและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในอนาคต รวมทั้ง กทพ.มีความต้องการเงินลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ ดังนั้น กองทุน TFF เป็นโอกาสของ กทพ.ที่จะมีแหล่งเงินทุนสำหรับลงทุนเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อ กทพ.ระยะยาว
- ดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนสูงถึงร้อยละ 8 อาจทำให้สภาพคล่องทางการเงินมีปัญหา สคร. ขอชี้แจงว่าต้นทุนในการระดมทุนด้วยกองทุน TFF เหมือนกับการระดมทุนด้วยวิธีออก Infrastructure Fund (IFF) ซึ่ง กทพ. มีแผนการระดมทุนด้วย IFF อยู่แล้ว ซึ่งทั้งกองทุน TFFและ IFF เป็นรูปแบบการระดมทุนด้วยตราสารทุน (Equity) ซึ่งไม่สามารถเปรียบเทียบกับการกู้ยืมเงิน (Debt) ซึ่งการระดมทุนของกองทุน TFF ไม่นับเป็นหนี้สาธารณะ ทำให้ภาครัฐมีเพดานหนี้สาธารณะเหลือไว้ใช้ประโยชน์ด้านอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้ การระดมทุนผ่านกองทุน TFF ในอนาคตจะมีการนำโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่หลากหลายเข้ามาระดมทุนทำให้มีการกระจายความเสี่ยง ซึ่งจะส่งผลให้กองทุน TFF มีต้นทุนทางการเงินถูกกว่าที่ กทพ. ออก IFF เอง
สำหรับการจ่ายดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนสูงถึงร้อยละ 8 ต่อปี ตามที่ปรากฏในข่าวนั้น เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ทั้งนี้ การจำหน่ายหน่วยลงทุนโดยใช้กระแสรายได้ของ กทพ. ดังกล่าวจะทำในลักษณะของให้ผู้ถือหน่วยลงทุนเข้ามาประมูล (Book Build) ทำให้ต้นทุนทางการเงินที่แท้จริงขึ้นอยู่กับการแข่งขันของเอกชนผู้เข้ามาลงทุน และการจ่ายผลตอบแทนของกองทุน TFF เป็นการจ่ายผลตอบแทนในลักษณะตัดจำหน่ายต้นเงินและผลตอบแทนในคราวเดียวกันจนสิ้นสุดอายุสัญญา นอกจากนี้ เงินที่ กทพ. ได้รับจากการระดมทุนผ่านกองทุน TFF กทพ.สามารถนำไปลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน และเพิ่มสภาพคล่องให้กับ กทพ. ได้
- สำหรับประเด็นเรื่อง การแปลงรูปแบบการลงทุนของรัฐบาลต่อการลงทุนพัฒนาบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ สคร. ขอชี้แจงเพิ่มเติมว่าการระดมทุนผ่านกองทุน TFF เป็นการระดมทุนโดยการขายกระแสรายได้ในอนาคต ไม่เป็นการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ (Privatization) และไม่ใช่การขายทรัพย์สินของภาครัฐ โดยทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานยังเป็นของ กทพ. ทั้งหมด และอยู่ภายใต้การกำกับและการดำเนินงานของ กทพ. ซึ่งมีหน้าที่ในการให้บริการสาธารณะ และยังเป็นการจัดหาแหล่งเงินทุนใหม่เพื่อให้ กทพ. สามารถให้บริการสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาด้านการจราจรของประเทศได้มากขึ้น ซึ่งเป็นภารกิจของ กทพ. อยู่แล้ว
- กระทรวงการคลังได้มีการกำหนดมาตรการสร้างแรงจูงใจให้รัฐวิสาหกิจนำโครงการเข้ามาระดมทุนผ่านกองทุน TFF โดยมีมาตรการรองรับที่จะดูแลไม่ให้มีผลกระทบกับผลตอบแทนพนักงาน รวมทั้งได้เตรียมแนวทางในการรองรับการขาดสภาพคล่อง (หากมี) ซึ่งถือเป็นหน้าที่ปกติที่กระทรวงการคลังในฐานะที่เป็นผู้ดูแลด้านการเงินจะเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านสภาพคล่องให้แก่รัฐวิสาหกิจให้สามารถดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ.-สำนักข่าวไทย