จ.ปทุมธานี 27 ก.พ.-ดีเอสไอย้ำให้เจ้าหน้าที่เข้มการตรวจตราบุคคลแปลกหน้าป้องกันมือที่สามป่วน พร้อมแสดงความเสียใจเหตุชายสูงวัยเสียชีวิต พร้อมระบุกรณีวัดพระธรรมกายจะจบลงได้ หากพระธัมมชโย มอบตัว
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงข่าวหลังการประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ ตชด.ภาค 1 ว่า ขอแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของนายอนวัช ธนเจริญณัฐ อายุ64ปี วานนี้(26ก.พ.) พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักดิ์ศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ เดินทางไปร่วมงานสวดพระอภิธรรมศพ และมอบเงินช่วยเหลือ 50,000 บาท ซึ่งการเสียชีวิตของนายอนวัชถือเป็นเป็นการสูญเสียในภาพรวม เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีฝ่ายใดอยากให้เกิดขึ้น ในส่วนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ย้ำให้คอยสอดส่องดูแล ระมัดระวังผู้ไม่เกี่ยวข้องไม่ให้เข้ามาในพื้นที่เด็ดขาด รวมทั้งฝากไปยังพระสงฆ์ และ ผู้ร่วมชุมนุมให้คอยสอดส่องดูแลคนแปลกหน้าที่จะเข้ามาแทรกแทรกด้วย
ส่วนเรื่องนี้จะจบลงได้และไม่มีการสูญเสียใดๆเกิดขึ้นอีกนั้น เงื่อนไขมีเพียงข้อเดียว คือเพียงแค่พระธัมชโย ยอมเข้ามอบตัว ที่ผ่านมาทางพระลูกวัด ต่างยืนยันมาโดยตลอดว่าพระธัมชโยบริสุทธิ์ ทางดีเอสไอก็อยากให้เข้ามาพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องหลบหนี
ส่วนการปฎิบัติการที่เข้าสู่วันที่ 12 แล้วนั้น เรื่องที่ยังคงเป็นกังวลจากทุกฝ่าย คือเรื่องที่การข่าวยังคงมีรายงานเรื่องมีมือที่สาม จ้องเข้ามาป่วนในพื้นที่ ซึ่งยืนยันดีเอสไอยังคงต้องทำหน้าที่ต่อไป แต่จะดำเนินการด้วยความละมุนละม่อมที่สุด
สำหรับการตรวจหนังสือสุทธิของภิกษุและสามเณรที่บริเวณประตู 7 ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี โดยมีพระวินยาธิการมาร่วมทำหน้าที่ตรวจสอบ ล่าสุดมีรายงานเข้ามาว่าพบพระที่ไม่มีใบสุทธิแล้วหลายราย ส่วนตัวเลขขณะนี้ยังไม่ขอแจ้ง ต้องรอฝ่ายปฏิบัติการแจ้งรายละเอียดอย่างเป็นทางการกลับมาอีกครั้ง
ส่วนการขึ้นป้าย WE NEED FOOD ใต้หอฉัน ตรงนี้การสื่อสารออกไปเป็นภาษาอังกฤษอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดจากสังคมภายนอก รวมถึงต่างชาติว่า ปฏิบัติการโดยไม่คำนึงถึงหลักมนุษยธรรมนั้นจึงอยากขอเรียนเชิญสื่อมวลชน หรือใครที่มีข้อสงสัย ไปที่บริเวณประตู 7ซึ่งมีพระวินยาธิการ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ อยากไห้มาสอบถามหรือติดตามการทำหน้าที่เรื่องของการอนุญาตให้ลูกศิษย์นำอาหารเข้าไปด้านในวัด จะได้ทราบว่าใครให้ข้อเท็จจริงที่ผิดเพี้ยนไป
รองโฆษกดีเอสไอ ยังกล่าวถึงกรณีมีการเปลี่ยน ผอ.สำนักงานพระพุทธ ศาสนาแห่งชาติ มาเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของดีเอสไอ ว่า เรื่องนี้ ที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือจาก สำนักงานพระพุทธศาสนาฯมาตลอด ขออย่ามองว่าการเปลี่ยน ผอ.จะทำให้ปฏิบัติการครั้งนี้จบได้เร็วขึ้นแต่การเปลี่ยน แปลงเชื่อว่าจะทำให้การประสานงานทำได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะการเร่งตรวจใบสุทธิพระ และสามเณร เพราะการข่าวยังคงมีรายงานเข้ามาตลอดเรื่องความพยายามเข้ามาในพื้นที่ของมือที่สาม
ส่วนประเด็นเรื่องงบประมาณที่วานนี้ทางวัดพระธรรมกายออกมาให้ข้อมูล ว่าดีเอสไอใช้งบประมาณ 10 วันไปแล้วกว่า 50 ล้านบาทนั้น เรื่องนี้ไม่ขอ ให้ข้อมูล เพราะทางทีมโฆษกไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้ และเรื่องสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มีข้อมูล ตนเองก็ไม่ทราบว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว.-สำนักข่าวไทย .-สำนักข่าวไทย