กระทรวงคลัง 7 มี.ค.-คลังเตรียมหารือเรียกเก็บภาษีขายหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น 16,000 ล้านบาท ก่อนหมดอายุความสิ้นเดือนมีนาคม
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร โดยมีนายประภาส คงเอียด รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เตรียมพิจารณาตามข้อเสนอของกรมสรรพากรเกี่ยวกับข้อเสนอการขยายเวลาการประเมินเพื่อออกหมายเรียกเก็บภาษีเงินได้จากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากกรณีการขายหุ้น บมจ.อินทัช (INTUCH) หรือเดิมคือ บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN) ให้แก่บริษัทเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ (พีทีอี) จำกัด ผ่านบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ รวมเป็นเงินการซื้อหุ้นกว่า 73,000 ล้านบาท เพื่อประเมินมูลค่าภาษีประมาณ 16,000 ล้านบาท จากกำหนดเดิมสิ้นสุดอายุความในวันที่ 31 มี.ค.60
นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประชุมหารือจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้นชินคอร์ปครั้งนี้ ได้มอบหมายให้รองปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน โดยต้องพิจารณากฏหมาย ข้อระเบียบ และความถูกต้องให้เป็นไปตามหลักฐาน ยอมรับว่าขณะนี้มีข้อมูลเพียงพอแล้วในการประเมิน คาดว่าคงได้ข้อสรุปในวันนี้ ส่วนผลประชุมออกมาเป็นอย่างไร ต้องรอที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณา หากสรุปได้ว่าต้องจัดเก็บภาษีกรมสรรพากรต้องทำหน้าที่ออกหมายเรียกในการเก็บเงิน แต่ต้องรอลุ้มผลประชุมในวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อายุความในการเรียกประเมินภาษีเงินได้กำลังจะหมดอายุในวันที่ 31 มีนาคม 2560 จึงต้องเร่งดำเนินการ หลังจาก จากคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเมื่อปี 2553 มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์นายทักษิณ 46,000 ล้านบาท และคำพิพากษาระบุว่าเจ้าของหุ้นที่แท้จริงคือ นายทักษิณ และเมื่อมีการขายหุ้น ผู้มีเงินได้จากการขายหุ้น คือ นายทักษิณ ดังนั้น เจ้าพนักงานประเมินภาษี จึงต้องแจ้งประเมินภาษีจากนายทักษิณ เท่านั้น ที่ผ่านมาสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เคยมีข้อเสนอให้เรียกเก็บภาษีจากนายพานทองแท้ และ นางพินทองทา ชินวัตร บุตรนายทักษิณ แต่เรื่องนี้ดำเนินการไม่ได้เพราะผู้มีรายได้จากการขายหุ้น คือ นายทักษิณ
ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เคยได้ทำหนังสือถึง สตง.ว่า คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ยึดทรัพย์นายทักษิณ กำหนดให้ยึดมูลค่าหุ้นส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นจากวันที่นายทักษิณรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทั้งหมดมาเป็นของรัฐ เมื่อเป็นเช่นนี้ ตามหลักกฎหมาย เท่ากับนายทักษิณไม่มีรายได้เกิดขึ้นในระหว่างดำรงตำแหน่งนายกฯ จึงไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ เพราะจะเกิดความไม่เป็นธรรม เมื่ออายุความในการประเมินภาษีของนายทักษิณ กำลังจะหมดในวันที่ 31 มีนาคม 2560 สตง. จึงได้ทำหนังสือถึงกรมสรรพากรให้เร่งรัดจัดเก็บภาษีให้เรียบร้อยก่อนหมดอายุความ.-สำนักข่าวไทย