จ.ปทุมธานี 18 พ.ย.-นายกฯลงพื้นที่ปุทมธานีดูการบริหารจัดการน้ำการเกษตร ย้ำแก้ปัญหาทั้งการบริหารจัดการน้ำและการเกษตรเต็มที่ เพื่ออนาคตในระยะยาว ชี้สินค้าเกษตรตกต่ำเพราะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่บริเวณคลองระพีพัฒน์แยกตก บริเวณประตูน้ำที่ 8 อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี โดยนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน บรรยายการใช้ประโยชน์จากคลอง ร่องสวน ประตูระบายน้ำ และพื้นที่แก้มลิง ทำให้สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง และระบายน้ำในฤดูฝน และช่วยบรรเทาความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ปี 2554
“พื้นที่แก้มลิงดังกล่าวยังช่วยเกษตรในพื้นที่ทุ่งรังสิตกว่า 3 แสนไร่ ทำการเกษตรปลูกข้าวปทุมธานี 1 และปรับเปลี่ยนทำสวนปาล์มน้ำมันทดแทนการทำสวนส้ม ที่ประสบปัญหาผลผลิตตกต่ำจากดินเปรี้ยว ทั้งนี้ ปัจจุบันคลองระพีพัฒน์สามารถส่งน้ำได้ 40ล้านลูกบากศก์เมตรต่อวินาที และมั่นใจมีน้ำเพียงพอเพื่อการเกษตรและบริโภคในหน้าแล้งเพราะมีน้ำต้นทุนจากเขื่อนป่าสักถึง 960 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงทำให้มีความพร้อมทั้งแผนการส่งน้ำและแผนการเพราะปลูก” อธิบดีกรมชลประทาน กล่าว
นายกรัฐมนตรีเดินทักทายประชาชน พร้อมกล่าวยืนยันให้ความสำคัญกับประชาชนทุกพื้นที่ แต่ขอให้ประชาชนมองที่ส่วนรวม หรือมองที่ประชาชนในพื้นที่อื่นด้วย ประเทศไทยมีประมาณ 87,000 หมู่บ้าน ทำการเกษตรแตกต่างกัน มีพื้นที่นอกเขตชลประทานด้วย แต่พื้นที่จ.ปทุมธานีโชคดีที่อยู่ในเชตชลประทาน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยต้องปลูกข้าว แต่จะต้องปลูกตามสภาพอากาศและพื้นที่เหมาะสม บางพื้นที่อาจต้องเสียสละบ้าง แต่ยืนยัน รัฐบาลเข้าใจปัญหาของเกษตรกร ซึ่งรวมทั้งปัญหาหนี้สินเกษตรกร ที่รัฐบาลกำลังเร่งแก้ไขปัญหา พร้อมขอให้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ และว่าประเทศต้องมีประชาธิปไตย ส่วนตนเองเข้ามาบริหารประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านเท่านั้น แต่อนาคตขึ้นกับประชาชนที่จะเลือกตั้ง ซึ่งระหว่างนั้นชาวบ้านได้กล่าวให้กำลังใจ และอยากให้นายกรัฐมนตรีอยู่ต่อ
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สวนปาล์ม 38 ไร่ของนายอักษร น้อยสว่าง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบึงชำอ้อ อำเภอหนองเสือ จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นสวนปาล์มที่น้อมนำแนวทางพระราชดำริโครงการแก้มลิงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปรับใช้ในร่องสวน โดยได้รับการส่งเสริมจากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริ ที่มาร่วมพัฒนาเรือดูดตะกอนเลนในร่องสวนปาล์มน้ำมัน เพื่อเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำ และตะกอนเลนยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเป็นปุ๋ยให้กับดิน ซึ่งจากการนำแนวคิดมาปรับใช้ทำให้สวนมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี รวมถึงสร้างรายได้ให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก โดยในปีนี้ราคาปาล์มน้ำมันอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 5 บาท
ทั้งนี้ ชุมชนบริเวณนี้ได้น้อมนำแนวพระราชดำริการทำเกษตรผสมผสาน ปรับเปลี่ยนร่องสวน เลี้ยงปลา ปลูกข่า ปลูกตะไคร้ ปลูกกล้วย นอกเหนือจากการทำนา สามารถเป็นต้นแบบความสำเร็จให้กับชุมชนอื่น ที่สำคัญชาวบ้านยังรวมกลุ่มกันมีกองทุนน้ำมันหมู่บ้าน ซึ่งเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านที่ปลูกปาล์มด้วย
ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรี ได้พบปะกับนักเรียน และเกษตรกรในพื้นที่ พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลได้เข้ามาดูแลประชาชน จากเดิมที่มีโครงสร้างบริหารของพื้นที่อยู่แล้ว แต่ต้องเปลี่ยนแปลง จึงอยากให้เกษตรกรรวมกลุ่มในการทำเกษตรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งรัฐบาลพร้อมดูแลและให้การสนับสนุน ขณะเดียวกันอยากให้ทุกคนช่วยกันเสียภาษีให้กับรัฐ เพื่อนำเงินดังกล่าวไปพัฒนาประเทศ พร้อมขอให้เชื่อมั่นการทำงานของรัฐบาล ที่ขณะนี้ต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยขอให้ทุกคนฟัง คิด และเข้าใจเพื่อการพัฒนาประเทศ
จากนั้น นายกรัฐมนตรีพบปะกับประชาชนที่บริเวณองค์การบริหารส่วนตำบลบึงชำอ้อ ว่า ปัญหาราคาสินค้าเกษตรทางการเกษตรที่ตกต่ำในวันนี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ โดยเฉพาะการสู้รบในพื้นที่ตะวันออกกลาง ทำให้ไม่กล้าค้าขายและลงทุน เพราะมัวแต่เฝ้าระวังตัวเอง ส่งผลให้กลไกราคาสินค้าโลกตกต่ำ ดังนั้น จึงไม่ได้เกิดเพราะการยึดอำนาจ จึงขออย่าฟังใครที่พูดให้เสียหาย วันนี้ต้องฟื้นฟูภาคเกษตรกรรม ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการปลูกข้าวยังเป็นคนละชนิด ไม่มีสูตรสำเร็จ ขอให้เกษตรกรรวมกลุ่มเป็นแปลงใหญ่แล้วเข้าระบบสหกรณ์ และต้องย้อนดูต้นทางหากฟังและร่วมมือกับรัฐบาลก็มีโอกาสฟื้นขึ้นมาใหม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแก้ปัญหาข้าวนั้น สิ่งที่เราจะทำต้องเป็นภาระทั้งหมด รัฐบาลไหนก็แก้ไม่ได้ แต่ถือว่าผมทำดีที่สุดแล้ว ทำให้ไปได้ทั้งข้าวเก่า ข้าวใหม่ ข้าวนาปีและนาปรัง หากไม่จัดระเบียบก็จะเดินหน้าไม่ได้ พัวพันกันอยู่แบบเดิม ผมได้ให้นโยบายลงไปเพื่อดำเนินการ อย่างไรก็ตาม วันนี้ยังมีคนเข้าใจว่าทำไมรัฐบาลเอาเงินไปแจกชาวนา แต่ไม่แจกเกษตรกร ซึ่งรัฐบาลได้ใช้เงินไปจำนวนมาก ปีที่แล้วก็แจกเกษตรกรแบบนี้ แต่ไม่ผิดกฎหมาย เพราะไม่ได้เป็นการจำนำทุกเมล็ด และทำในช่วงที่มีปัญหาเท่านั้นโดยจำนำแบบยุ้งฉาง ซึ่งในปีที่แล้วมีภาระในการเก็บข้าวในคลัง 2-3 พันล้าน เมื่อนำออกมาก็เดือดร้อน
“วันนี้ที่มาเพื่อนำความห่วงใย และความรู้สึกดี ๆ ของรัฐบาลมาให้ เป็นหน้าที่ของหัวหน้ารัฐบาล แต่ผมทำคนเดียวไม่ได้ จึงต้องอาศัยความร่วมมือ ขอถามว่าวันนี้จะเอาแบบนี้ที่มีอนาคตหรือแบบเดิมที่อุดหนุนแล้วเลิก อย่าคิดว่าจะได้เร็วหรือช้า เพราะผมจะพยายามทำให้เร็วที่สุด ซึ่งทุกคนที่ทำให้นั้นไม่ได้อะไรเลย แต่ได้กับประเทศชาติ และไม่อยากให้จมกับความซ้ำซาก ทั้งแล้งซ้ำซาก ท่วมซ้ำซากและจนซ้ำซาก โดยเฉพาะในช่วงแห่งความโศกเศร้า ต้องร่วมมือเป็นหนึ่งเดียว และร่วมมือกับรัฐบาล ผมไม่ต่อสู้กับใคร ต่อไปจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดตามโรดแมปที่มีอยู่และสร้างความต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และรัฐบาลต่อไปต้องทำไม่น้อยกว่าผม เพราะที่ผมทำวันนี้ก็เพื่อต้องการให้รัฐบาลใหม่เข้มแข็ง วันนี้ขอให้ทุกคนเข้าใจและร่วมมือ” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย